วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ชา..กระดูกและฟัน

ชา..กระดูกและฟัน

ชาเขียวกับกระดูกและฟัน

ผล การศึกษาในประเทศไต้หวัน พบว่าเนื่องจากในใบชามีสารประกอบของสารฟลูออไรด์และพราวโวนอยด์ซึ่งแร่ธาติ ชนิดนี้มีฤทธิ์คล้ายแอสโตรเจนที่เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน ให้แข็งแรง โดยประโยชน์นี้พบได้ในคนที่ดื่มชาดำ ชาเขียวหรือชาอู่หลงเฉลี่ยวันละ 2 แก้ว เป็นเวลาอย่างน้อย 6 ปี ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มชา เพราะ เป็นที่ทราบกันดีกว่า ภาวะกระดูกหักจากโรคกระดูกผุในหญิงวัยหมดประจำเดือนเป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลก ประมาณกันว่าราวๆ ครึ่งหนึ่งของหญิงอเมริกันอายุ 50 ปีขึ้นไปมีปัญหาจากโรคกระดูกผุ

การเกิดฟันผุเป็นผลมาจากเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus Mutans ในช่องปาก ทำปฏิกิริยากับน้ำตาลได้เป็นสารกลูแคน มีลักษณะเหนียวข้น ไม่ละลายน้ำ เคลือบอยู่ที่ฟันแล้วเจ้าเชื้อจุลินทรีย์ก็จะไช้เจ้ากลูแคนนี้เป็นอาหารใน ระหว่างกระบวนการเมตาโบลิซึมของมันเกิดการสร้างกรดซึ่งไปทำลายสารเคลือบฟัน เป็นสาเหตุทำให้ฟันผุ จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า สารเคทิซิน สามารถยับยั้งกระบวนการผลิตกลูแคนของเชื้อ S.Mutans ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเราดื่มชาเขียวหลังมื้ออาหารสามารถป้องกันโรคฟันผุได้ นัก วิจัยในศูนย์ทันตกรรมเฟอร์ซีธ บอสตัน ยังได้แนะนำว่า การดื่มชาตอนเช้าช่วยป้องกันฟันผุได้ โดยถ้าคุณแช่ถุงชาไว้นาน 3 นาทีก่อนดื่ม ชาจะสามารถยับยั้งช่วยแบคทีเรียซึ่งทำให้ฟันผุได้ถึงร้อยละ 95 จะเห็นได้ว่า การดื่มชาจึงมีส่วนช่วยในการป้องกันฟันผุได้

สวยได้ด้วย...ใบชา

สูตรความงามตามธรรมชาติจากชา

ปัจจุบัน การแช่ชา เป็นสิ่งที่ไม่เกินกว่าความจริงและประหยัดเพราะทำได้เองจากที่บ้าน สามารถลองทำได้เองเพื่อบรรเทาบาดแผลและรอยถลอกเล็กๆ รักษาแดดเผา ทำให้ดวงตาที่อ่อนล้าและบวมสดชื่นขึ้น รวมถึงการแช่เท้าที่เหน็ดเหนื่อย ตำรับดังกล่าวคือการกลั่นใบชาดำหรือชาเขียวที่ไม่มีกลิ่น ½ ถ้วย ในน้ำต้มเดือด 1 ลิตรอย่างน้อย 10 นาที จากนั้นกรองใบชาพักทิ้งไว้เพื่อให้ชาเย็นลงก่อน แช่ในตู้เย็น สามารถเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 10 วัน

สำหรับบาดแผลและรอยถลอก

ใช้ ชาเย็นกลั่นชุบแผ่นสำลีบริสุทธิ์วางบนรอยแผลหรือรอยถลอก โดยวางแผ่นสำลีบริเวณที่เป็นอย่างน้อย 5 นาที ทำซ้ำอีกครั้งและอย่าล้างออก สามารถทำซ้ำ 4-5 ครั้งต่อวัน

แดดเผา

ใช้ ผ้าฝ้าย 1 ชิ่นที่แช่ชาเย็นกลั่นจนชุ่มในบริเวณที่ถูกแดดเผา ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หรือจนกระทั่งบริเวณที่ไหม้เกรียมเริ่มเย็นลง สามารถทำซ้ำๆ 5 ครั้งต่อวัน

สำหรับดวงตาที่อ่อนล้าและบวมเพราะอดนอน

ชุบ แผ่นสำลีในชาเย็นกลั่นวางบนเปลือกตา แช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีหรืออาจนำถุงชาที่ใช้แล้วแช่ในตู้เย็นและวางบนเปลือกตาก็ได้ผลดีเช่นกัน หรือเลือกถุงชาที่เราได้คัดและบรรจุสมุนไพรคาโมมายล์ Eye Love Tea Pillow แช่ ในน้ำอุ่นสักครู่ บีบน้ำพอหมาดแล้วนำมาปิดบนเปลือกตา ผ่อนคลายร่างกายและสูดกลิ่นหอมของดอกคาโมมายล์ ลองนึกดูว่า คุณแช่ตัวในน้ำอุ่น ในอ่างอาบน้ำของคุณเอง พักสายตา ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ แค่นี้คุณก็ได้ทำสปาในบ้านด้วยตัวเอง

สำหรับเท้าที่เมื่อยล้า

แช่ เท้าในชาเย็นกลั่นประมาณ 15 นาที เพื่อบรรเทาอาการเมื่อยล้าหลังจากการยืน เดินหรือวิ่งมาตลอดทั้งวัน คุณอาจเลือกชาสมุนไพรอื่นเพื่อกลิ่นหอมพิเศษ เช่นชาเปปเปอร์มินท์ ชาคาโมมายล์ ชาลาเวนเดอร์

สำหรับใบหน้า

ผสม แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา กับชาคาโมมายล์เย็นเพื่อการขัดถูอย่างอ่อนโยน ปล่อยให้แห้งและค่อยๆ เช็ดออก แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแพ้ง่าย ทำแผ่นแป้งเปียกโดยใช้ชาคาโมมายล์และนมผงทาผิว จากนั้นปล่อยให้แห้งก่อนเช็ดออกและล้างน้ำ

สำหรับรักษาเส้นผม

อุ่นน้ำมันมะกอก ½ ถ้วย (อย่าให้เดือด) ผสมลาเวนเดอร์สดบด 2 ช้อนชาและถุงชาเปปเปอร์มินท์แห้ง 2 ถุงในกระทะเล็กๆ นวดส่วนผสมทั่วหนังศรีษะที่เปียกชื้น คลุมผมด้วยหมวกอาบน้ำและอบท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลา 10-20 นาที สระผมด้วยแชมพูและล้างออก ทำซ้ำเดือนละครั้งเพื่อการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง

สำหรับย้อมสีผมธรรมชาติ

เทชาดำเข้มข้นบนผม ขยี้ให้ทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ 15 นาทีและล้างออก คุณจะได้สีผมน้ำตาลเข้มสวยแบบธรรมชาติได้ชั่วคราว

โทนเนอร์ชาเขียว

คุณสมบัติ ของชาเขียวที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ต้อสู้กับความแก่ ชาเขียวสามารถทำให้ผิวกระชับและผ่อนคลายได้ ลองใช้โทนเนอร์นี้ก่อนทาครีมบำรุงผิว ส่วนผสมง่ายๆคือ น้ำสะอาด ½ ถ้วย และใบชาเขียว 1 ช้อนชาหรือชาซอง 1 ถุง ต้มน้ำ ใส่ใบชาหรือชาซองในแก้ว เทน้ำร้อนลงไปในแก้วที่เตรียมไว้ แช่ทิ้งไว้ 2-3 นาที กรองชาเขียวใส่ขวดและปล่อยให้เย็น ใช้สำลีก้อนชุบชาเขียวที่เย็นแล้วมาทาบนผิวหน้า ไม่จำเป็นต้องล้างออก ตามด้วยครีมบำรุงผิวตามปรกติ

สำหรับการบำรุงริมฝีปาก

ละลาย ถุงชาดำด้วยน้ำอุ่น กดเหนือริมฝีปากที่สะอาดเป็นเวลา 5 นาที ทำซ้ำถ้าต้องการ ชาดำมีกรดแทนนินสูง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ริมฝีปากเรียบเนียนสะอาดหมดจด

สำหรับบรรเทาอาการบวมแดงของสิว

กรดแทนนินในใบชา ช่วยดูดซับน้ำมันบนหัวสิวได้ ละลายถุงชาในน้ำอุ่นและกดบนบริเวณที่เป็นสิว 5 นาที แล้วล้างออก

ความรู้เกี่ยวกับชาดำ Why they called Black Tea?

ชาดำชื่อดัง

มีชาชื่อดังจำนวนมากที่เกิดจากการนำชาหลากชนิดจากหลายที่มีผสมกันเพื่อให้ได้ชาที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ชาลักษณะนี้เป็นที่นิยมกันมากในโลกโดยเฉพาะในอังกฤษ

English Breakfast

ต้นแบบของชาผสมที่นิยมกันและถูกพัฒนามากว่า 100 ปี โดยผู้ชำนาญการชาวสก็อตนาม Drysdale แห่ง Edinburgh ซึ่งถูกเรียกชื่อในทางการค้าว่า ‘Breakfast Tea’ ชานี้เป็นที่นิยมในอังกฤษ เนื่องจากความหลงใหลของราชินีวิกตอเรียในวัฒนธรรมของชาวสก็อต ที่ท่านได้ไปพำนักที่บ้านพักฤดูร้อน ในประเทศสก็อตแลนด์ แต่ต่อมาร้านขายชาในลอนดอนก็เปลี่ยนชื่อมันและวางตลาดในชื่อ ‘English Breakfast’

ชาชนิดนี้คือชาดำชั้นดีที่มาจากอัสสัมและซีลอน และอาจประกอบด้วยชาคีนัมบางส่วน ชาชนิดนี้ทำให้ชวนหลงใหลให้นึกถึง ขนมปังร้อนๆ จากเตาอบในบรรยากาศตอนเช้า

Irish Breakfast

ชาวไอริชเป็นนักดื่มชาตัวยง พวกเขาดื่มชาที่แก่มากๆ จนกระทั่งมีสำนวนเกี่ยวกับชาสำหรับชาวไอริชว่า ชาที่พอเหมาะควรจะแก่พอที่จะทำให้หนูวิ่งบนชาได้ ด้วยแนวคิดแบบนี้ ชาวไอริชเชื่อว่ามีชา 3 ชนิดที่เหมาะจะดื่ม อย่างแรกที่ดีที่สุดคือชาในจีนดื่มโดยชาวจีน ดีเป็นลำดับที่สองคือที่ส่งตรงมายังไอร์แลนด์ และที่แย่ที่สุดเหมาะที่จะส่งให้พวกอังกฤษดื่ม ที่ได้ชื่อว่า Irish Breakfast เพราะว่ากลิ่นที่แรงซึ่งจะถูกดื่มในตอนเช้าเท่านั้น (ยกเว้นสำหรับชาวไอริชที่ดื่มทั้งวัน) โดยทั่วไปชาแบบนี้ถูกผสมจากพื้นฐานของชาอัสสัม เพราะ รสชาติที่หนักแน่นจึงมักถูกเสิร์ฟพร้อมกับน้ำตาลเป็นจำนวนมากและนม (ต้องเป็นนม ไม่ใช่ครีมที่ถูกเสิร์ฟพร้อมกับชา ครีมหนักเกินไปสำหรับชา ครีมเหมาะสำหรับกาแฟ นมจะถูกเสิร์ฟที่อุณหภูมิห้อง ไม่ใช่นมเย็นเพราะมันจะทำให้ชาเย็นเร็วเกินไป)

Afternoon tea

ชาชนิดนี้เกิดจากการผสมชาดาร์จีลิงและชาซีลอนที่ปลูกในพื้นที่สูงเพื่อสร้างเป็นชาที่สดชื่นและบางเบา ชาชนิดนี้เข้าได้ดีกับแซนด์วิช แตงกวา และเค้กผลไม้ ปัจจัยสำคัญของชาชนิดนี้ไม่ได้อยู่ที่ความแกร่งหรือหนักแน่นและอยู่ที่กลิ่น

House Blend

ในสถานที่ขายชาบางแห่งมีสูตรของชาเฉพาะตัว ซึ่งได้มาจากการผสมชาหลากชนิด บางทีอาจผสมชาถึง 15-40 ชนิดเข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้เกิดชาที่มีลักษณะพิเศษทั้งสีและกลิ่น

ระหว่าง ปีเก็บเกี่ยวซึ่งมีสภาพอากาศที่แตกต่างกันไปทุกปีซึ่งมีผลต่อคุณภาพใบชา ผู้ผสมจะต้องค้นหาชาที่ผลิตกลิ่นและคุณลักษณะที่ต้องการ ซึ่งพวกเขาจะต้องทดสอบรสชาติชาระหว่าง 200 ถึง 1,000 ชนิดต่อวัน และสร้างตำรับชาที่ทำให้ทุกคนได้สนุกกับชาที่เลิศรส

ไขปริศนา อักษรตัว E บนฉลากอเมริกันวิสกี้

ไขปริศนา อักษรตัว E บนฉลากอเมริกันวิสกี้

เมื่อกล่าวถึงสุรานามว่า"วิสกี้" คงไม่มีใครไม่รู้จัก วิสกี้คือสุราที่ผลิตจากธัญพืช มีผลิตกันเกือบทุกแห่งทั่วโลก และแต่ละแห่งก็จะใช้วัตถุดิบในการผลิตแตกต่างกันไป
แต่วิสกี้ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นวิสกี้ที่ดีที่สุดในโลกนั้น มีมาจาก4ประเทศคือ

1. Scotch whisky
2. Irish whiskey
3.American whiskey
4. Canadian whisky

ซึ่งหากใครตาดีสักนิดจะเห็นว่า การเขียนคำว่าวิสกี้ในภาษาอังกฤษนั้นมี2แบบคือ whiskeyและ whisky ใช่ครับ บางขวดมีตัว E แต่บางขวดกลับไม่มี สก๊อตวิสกี้เป็นวิสกี้ที่ผ่านมือผ่านตาคนไทยมากที่สุด เมื่อเราดูข้างๆขวดของสก๊อตวิสกี้ Scotch whisky ก็จะไม่ปรากฏอักษรตัว E ในคำ ว่าวิสกี้ ตัวE ที่ว่านี้ นอกจากสก๊อตวิสกี้แล้ว แคนาเดี้ยนวิสกี้ Canadian whisky ก็จะไม่มีตัวEเช่นกัน แต่จะไปปรากฏอยู่ใน ไอริชวิสกี้ 2. Irish whisk(e)y และอเมริกันวิสกี้American whisk(e)y เจ้าตัวEเจ้าปัญหานี่แหละครับ ที่สร้างความสงสัยให้กับนักดื่มเป็นเวลาช้านาน
อเมริกันวิสกี้ ก็เป็นวิสกี้อีกประเภทหนึ่งที่มีอักษรตัว Eอยู่ ในคำว่า"วิสกี้" เป็นที่รับรู้กัน ไปเห็นวิสกี้จากอเมริกาที่ไหนก็จะเห็นตัวEอยู่บนฉลากแทบทุกขวด
แต่หาก เราได้มีโอกาสได้ดื่มอเมริกันวิสกี้หลากหลายยี่ห้อมากขึ้นจะพบว่า อเมริกันวิสกี้บางยี่ห้อ ก็จะเขียนคำว่าวิสกี้แบบไม่มีตัวE เช่นเดียวกันกับ สก๊อตวิสกี้ แน่นอนล่ะ มันย่อมสร้างความสงสัยให้กับเขาผู้นั้นโดยแน่แท้ เพราะส่วนมาก อเมริกันวิสกี้ ทั้งเทนเนสซี และเบอร์เบิ้น ต่างมีตัวEพ่วงมาด้วยแทบทุกขวด
หาก จะย้อนอดีตไปนับตั้งแต่ชาวตะวันตกเข้ามาบุกเบิกแผ่นดินอเมริกา อเมริกันวิสกี้ก็ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมๆกับการสร้างชาติของชาวอเมริกันเลยที เดียว ผู้ที่เข้ามาบุกเบิกประเทศสหรัฐอเมริกานั้น มีหลายร้อยหลายเผ่าพันธุ์ จากแทบทุกมุมโลก แต่ชนชาติที่นำภูมิปัญญาการต้มกลั่นเหล้าวิสกี้มายังดินแดนแถบนี้ ก็คือชาวสก๊อตส์และชาวไอริช ซึ่งขึ้นชื่อลือชาในเรื่องการผลิตสุราธัญพืชชั้นยอดที่เรียกขานกันมาช้านาน ว่า"วิสกี้"นั่นเอง
จริงๆแล้วอเมริกันวิสกี้กำเนิดขึ้นครั้งแรกที่ เพนซิลวาเนีย อันเป็นดินแดนเกษตรกรรม อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร และทรัพยากรธรรมชาติ ผู้อพยพชาวสก๊อตส์และไอริช สามารถผลิตวิสกี้ได้ตามใจปรารถนา ก็เพราะทรัพยากรอันมีอยู่อย่างเหลือเฟือนั่นเอง แต่ภายหลัง เพนซิลวาเนียประสบภัยธรรมชาติ เกิดสภาวะแห้งแล้ง ประชาชนเกิดความอดอยาก ผลผลิตทางการเกษตรเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ประกอบกับมีการปรับภาษีสุราใน เพนซิลวาเนียอีกด้วย ผู้คนส่วนมากไม่พอใจกฏหมายการปรับภาษีสุราครั้งนี้ ประชาชนจึงก่อการจลาจล และเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ ผู้อพยพชาวสก๊อตส์ ไอริช จึงต้ดสินใจหลบหนีความวุ่นวายไปสู่ดินแดนใหม่ที่อุดมสมบูรณ์กว่า ซึ่งพร้อมมูลไปด้วยองค์ประกอบสำคัญในการผลิตวิสกี้ ทั้งแหล่งน้ำธรรมชาติที่สะอาด ต้นโอ๊คขนาดใหญ่อายุนับ100ปี และแหล่งเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ชั้นยอด ในการทำวิสกี้ นั่นก็ คือทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของประเทศ อันเป็นที่ตั้งของ มลรัฐเคนทักกี้ และเทนเนสซี่ 2แหล่งผลิตอเมริกันวิสกี้ชื่อก้องโลก และอเมริกันวิสกี้ก็ได้เปิดตัวเป็นทางการเมื่อช่วง ศตวรรษที่ 18 นั่นเอง

ชาวสก๊อตส์ และไอริช อพยพมาทวีปอเมริกาเหนือโดยทางเรือ โดยจะกระจัดกระจายไปยังดินแดนต่างๆทั่วอเมริกาเหนือ เมื่อถึงแผ่นดินใหญ่ ผู้อพยพขึ้นฝั่งอเมริกาส่วนมาก เป็นชาวไอริช ส่วนน้อยที่เหลือเป็นชาวชาวสก๊อตส์ ส่วนชาวสก๊อตส์ขึ้นเหนือไปแคนาดาแทน และยังมีชาวไอริชบางส่วนไปอยู่ฝั่งแคนาดาเช่นกัน คนต่างชาติหลายคนอาจจะไม่รู้ แต่สำหรับแวดวงผู้ผลิตวิสกี้ทั้งในอเมริกาและแคนาดา เขาต่างรู้กันดีว่า วิสกี้ตระกูลนี้ยี่ห้อนี้ มีรากฐานมาจากไหน สก๊อตส์แลนด์หรือไอร์แลนด์ นี่แหละคือเหตุผลที่ทำอเมริกันวิสกี้บางยี่ห้อไม่มีตัวEในคำว่าวิสกี้ อเมริกันวิสกี้ที่ไม่เขียนตัวEแบบเดียวกับสก๊อตวิสกี้นั้น มีทั้งเบอร์เบิ้นและเทนเนสซี่ได้แก่ George Dickel. Tennessee Whisky หรือ Make Mark Bourbon Whisky ซึ่งก็เขียนแตกต่างจากอเมริกันวิสกี้ส่วนมาก ยกตัวอย่างเช่น Jack Daniel's Tennessee Whisk(e)y jim Beam Bourbon Whisk(e)y หรือ Wild Turkey Bourbon Whisk(e)yเป็นต้น
หากวิสกี้ อเมริกันขวดไหนมาจากครอบครัวชาวของชาวสก๊อตส์ หรือไอริช ก็ให้ดูที่ตัวEบนฉลากนั้นแหละครับ หากมีตัวEบนฉลาก ขอให้รับรู้ว่า เขามากจากตระกูลชาวไอริช แต่หากไม่มีตัวEห้อยท้ายคำว่าวิสกี้ ก็เป็นการบอกให้เราทราบว่า วิสกี้ขวดนี้ มาจากครอบครัวชาวสก๊อตส์ เพื่อให้เกียรติแผ่นดินของบรรพบุรุษที่เขาจากมานั่นเองครับ

คำคุณศัพท์เกี่ยวกับชนชาติต่าง ๆ

คำคุณศัพท์เกี่ยวกับชนชาติต่าง ๆ ให้ทับศัพท์ในรูปคำนามที่เป็นชื่อประเทศ เช่น
  • Swedish people = คนสวีเดน
  • Hungarian dance = ระบำฮังการี

ยกเว้นชื่อที่เคยใช้มานานแล้ว ได้แก่

  • ประเทศเยอรมนีใช้ว่า …เยอรมัน เช่น ภาษาเยอรมัน
  • ประเทศกรีซ ใช้ว่า …กรีก เช่น เรือกรีก
  • ประเทศไอร์แลนด์ ใช้ว่า …ไอริช เช่น ชาวไอริช
  • ประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้ว่า …ฮอลันดา เช่น ชาวฮอลันดา หรือ …ดัตช์ เช่น ภาษาดัตช์
  • ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้ว่า …สวิส เช่น ผ้าสวิส
  • สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ใช้ว่า …อังกฤษ เช่น คนอังกฤษ
  • สหรัฐอเมริกา ใช้ว่า …อเมริกัน เช่น รถอเมริกัน

สำหรับสหภาพโซเวียต ซึ่งในภาษาอังกฤษใช้คำคุณศัพท์ ๒ คำ คือ Soviet… และ Russian… ใช้ว่า …โซเวียต และ …รัสเซีย เช่น

  • Soviet Style (of architecture) = (สถาปัตยกรรม) แบบโซเวียต
  • Russian food = อาหารรัสเซีย

ชื่อภาษา/ระบบการเขียน

  • Afrikaans = ภาษาแอฟริกา
  • Albanian = ภาษาแอลเบเนีย
  • Arabic = ภาษาอารบิก
  • Amharic = ภาษาอัมฮาริก
  • Armenian = ภาษาอาร์เมเนีย
  • Assamese = ภาษาอัสสมี
  • Azerbaijani = ภาษาอาเซอร์ไบจาน
  • Baltic = ภาษาบอลติก
  • Basque = ภาษาแบ็ซค์
  • Bengali = ภาษาเบ็งกาลี
  • Bihari = ภาษาพิหาร
  • Bosnian = ภาษาบอสเนีย
  • Bulgarian = ภาษาบัลแกเรีย
  • Burmese = ภาษาพม่า
  • Catalan = ภาษาคาตะลาน
  • Celtic = ภาษาเซลติก
  • Chinese Simplified = ภาษาจีนตัวย่อ *(หมายถึง ตัวอักษรที่ใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่, ไม่เกี่ยวกับภาษาพูด)
  • Chinese Traditional = ภาษาจีนตัวเต็ม *(หมายถึง ตัวอักษรที่ใช้แพร่หลายในไต้หวันและฮ่องกง, ไม่เกี่ยวกับภาษาพูด)
  • Chinese, Cantonese (Yue) = ภาษาจีนกวางตุ้ง *(ภาษาพูด ใช้มากในฮ่องกง)
  • Chinese, Mandarin = ภาษาจีนกลาง *(ภาษาพูด)
  • Chinese, Standard Mandarin = ภาษาจีนกลางมาตรฐาน *(ภาษาพูด)
  • Cypriot = ซิพริออต
  • Czech = ภาษาเช็ก
  • Danish = ภาษาเดนมาร์ก
  • Dutch (Netherlands) = ภาษาดัตช์
  • English = ภาษาอังกฤษ
  • Esperanto =
  • Estonian = ภาษาเอสโตเนีย
  • Faroese = ภาษาแฟโร
  • Farsi = ภาษาฟาร์ซี ภาษาเปอร์เซีย
  • French = ภาษาฝรั่งเศส
  • Gaelic = *(อาจหมายถึง Irish Gaelic หรือ Scottish Gaelic ก็ได้. ดู: Irish, Scottish Gaelic)
  • Galician = ภาษากาลิเชีย
  • Georgian = ภาษาจอร์เจีย
  • German = ภาษาเยอรมัน
  • Greek = ภาษากรีก
  • Gujarati = ภาษาคุชราตี
  • Gurmukhi = ภาษาคุรมุขี
  • Hebrew = ภาษาฮีบรู
  • Hebrew Visual = ภาษาฮีบรู (เขียนซ้ายไปขวา)
  • Hindi = ภาษาฮินดี
  • Hispanic =
  • Hungarian = ภาษาฮังการี
  • Indonesian = ภาษาอินโดนีเซีย
  • Interlingua = ภาษานานาชาติ
  • Irish (Irish Gaelic) = ภาษาไอริช (Irish Gaelic)
  • Italian = ภาษาอิตาลี
  • Japanese = ภาษาญี่ปุ่น
  • Javanese = ภาษาชวา
  • Kannada = ภาษากัณณาท
  • Kashmiri = ภาษากัศมีรี
  • Klingon = ภาษาคลิงออน
  • Khmer = ภาษาเขมร
  • Korean = ภาษาเกาหลี
  • Lao = ภาษาลาว
  • Latin = ภาษาละติน
  • Latvian = ภาษาลัตเวีย
  • Lithuanian = ภาษาลิทัวเนีย
  • Macedonian = ภาษามาซิโดเนีย
  • Maithili = ภาษาไมถิลี
  • Malay = ภาษามลายู
  • Malayalam = ภาษามลยาฬัม
  • Mongolian = ภาษามองโกล
  • Marathi = ภาษามาราฐี
  • Nepali = ภาษาเนปาล
  • Nordic = ภาษานอร์ดิก
  • Norwegian = ภาษานอร์เวย์
  • Occitan = ภาษาออกซิตัน
  • Oriya = ภาษาโอริยา
  • Pashto = ภาษาพาชตู
  • Phags-pa = ภาษาผัคสปะ
  • Polish = ภาษาโปแลนด์
  • Portuguese (Brazil) = ภาษาโปรตุเกส (บราซิล)
  • Portuguese (Portugal) = ภาษาโปรตุเกส (โปรตุเกส)
  • Punjabi = ภาษาปัญจาบี
  • Romance = ภาษาโรมานซ์
  • Russian = ภาษารัสเซีย
  • Sanskrit = ภาษาสันสกฤต
  • Scots = (คนละภาษากับ Scottish Gaelic, Scottish English)
  • Scottish Gaelic = (Gaelic แบบที่พูดในสกอตแลนด์)
  • Serbian = ภาษาเซอร์เบีย
  • Sindhi = ภาษาสินธี
  • Slovak = ภาษาสโลวะเกีย
  • Slovakian = ภาษาสโลวาเกีย
  • Slovenian = ภาษาสโลวีเนีย
  • Spanish = ภาษาสเปน
  • Sundanese = ภาษาซุนดา
  • Swahili = ภาษาสวาฮิลี
  • Swedish = ภาษาสวีเดน
  • Sylheti = ภาษาสิเลฏี
  • Syriac = ภาษาซีรีอัก
  • Tagalog = ภาษาตากาล็อก
  • Tamil = ภาษาทมิฬ
  • Telugu = ภาษาเตลุคู
  • Tibetan = ภาษาทิเบต
  • Tigrinya = ภาษาตีกรินยา
  • Turkish = ภาษาตุรกี
  • Ukrainian = ภาษายูเครน
  • Urdu = ภาษาอูรดู
  • Uzbek = ภาษาอุซเบกิสถาน
  • Vietnamese = ภาษาเวียดนาม
  • Welsh = ภาษาชาวเวลส์
  • Yi = ภาษาอี้
  • Zulu = ภาษาซูลู

ชื่อตัวเขียน/ระบบตัวเขียน

  • Cyrillic = ซีริลลิก
  • Gallic =
  • Han = ฮั่น
  • Hangul = ฮันกึล
  • Hanja =
  • Kanji = คันจิ
  • Hiragana = ฮิระงะนะ
  • Katakana = คะตะกะนะ
  • Mincho =
  • Pinyin = พินอิน
  • Romaji = โรมะจิ
  • Syloti Nagari = สิลอฏีนาครี
  • Umlaut =

เปิดบ้านชาวไอริช...ผู้หลงรักทะเลหัวหิน

เปิดบ้านชาวไอริช...ผู้หลงรักทะเลหัวหิน


หากการ หาที่พำนักของใครสักคนจะเป็น สถานที่แห่งไหนในบ้านเมืองใดสักแห่ง นั่นคงเป็นการตัดสินใจแล้วว่าชีวิตที่เหลืออยู่จะขอพักพิง อิงแอบไปกับทุกชีวิตรายรอบ และวัฒนธรรมของที่นั่นด้วยความเต็มใจ

โจเอล เฟลด์แมน (Mr.Joel Feldman) เป็นชาวไอริชที่สารภาพว่า เขารักเมืองไทยและอยากใช้ชีวิตที่นี่ต่อไปเรื่อยๆ รักแรกพบที่มีต่อบ้านเมืองนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปี ก่อน หลังจากปลูกความรักขึ้นทีละนิด จากการท่องเที่ยวในบ้านเราอยู่หลายหน และมักจะกลับมาเยือนอีกบ่อยครั้ง เพราะติดใจในความงามทางธรรมชาติ ความมีอัธยาศัยดีของคนไทย รสชาติอาหาร และการต้อนรับที่อบอุ่น

ก่อนจะย้ายมาลงหลักปักฐานราวปี 2548 เมื่อถึงคราวที่คนๆ เดียวกันต้องนั่งเก้าอี้ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อคานโด จำกัด ทำธุรกิจอสังหาฯ ที่เขาภาคภูมิใจ บริหารสินทรัพย์ของกองทุนรวม Lizmans Property Fund ดูแลเอฟพี คอนโดมีเนียม ซ. ลาดพร้าว 49 และโครงการอื่นๆ เต็มตัว กลายเป็นจุดเปลี่ยน จากนักท่องเที่ยวสู่การเป็นผู้อยู่อาศัย(กึ่ง)ถาวร ตราบที่เขายังสามารถสร้างงานและมอบสิ่งดีๆ ให้สังคมนี้ ไปพร้อมๆ กับการทำธุรกิจที่ถนัด ด้วยความตั้งใจและเพียรพยายามมาตั้งแต่อายุยังน้อย

โจเอลเล่าว่า ธุรกิจอสังหาฯ ไม่ว่าใครก็ทำได้ ตัวเขาเองก็เริ่มจากศูนย์ และมองว่า...คุณวุฒิ ทางการศึกษาอาจยังไม่จำเป็นเท่า... การทำความรู้จักกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจ ถ้าสามารถรู้ได้ถึงความต้องการที่แท้จริง พยายามหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุด และตามมาด้วยความซื่อสัตย์กับลูกค้า จนเกิดความเชื่อใจด้วยแล้ว แม้การซื้อ-ขายจะไม่เกิดขึ้นในคราวแรก แต่ก็มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะกลับมาซื้อกับเราอีกในไม่ช้า หากเราตอบโจทย์ได้ตรงและให้ในสิ่งที่ดีที่สุด

ณ เรือนไม้สีเหลือง(อบอุ่น) โครงสร้างภายนอกยังคงสภาพเดิมไว้ทุกประการแห่งนี้ เขาบอกว่า เหมือนฝันที่เป็นจริง อยากมีบ้านพักตากอากาศริมหาดหัวหินมานานแล้ว ถือเป็นของขวัญให้กับชีวิตที่พิเศษมาก ทั้ง บ้านเก่า ของเก่า ติดทะเล ใกล้เขตพื้นที่พระราชฐาน เงียบสงบและปลอดภัย

ทั้งหมดนี้ คงไม่ต่างกันนักกับเจ้าตัว ผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของหัวหิน และไขกุญแจความต้องการของตัวเองออกอย่างจริงใจ

เหตุ ลงตัว...ที่มาของช่วงเวลา กว่าครึ่งค่อนสัปดาห์ที่เขาเลือกใช้ชีวิตในช่วงวันพักผ่อน ณ เรือนจุลินทร์ บ้านพักตากอากาศยุคเก่าแห่งชายหาดหัวหิน ที่เจ้าของยินดีให้ฝรั่งเช่าในราคาที่พอสู้ไหว แต่มีข้อแม้ว่า.. ต้องเช่าเพื่อพักอาศัยเท่านั้น


แม้วันแรกที่ย้ายเข้ามา สภาพบ้านจะเก่ามาก แทบอยู่ไม่ได้ แต่เมื่อเทความเอาใจใส่ ผสมไอเดียการตกแต่งตามชอบใจ(สไตล์ไทยผสมยุโรป) ลงไป ในทันทีที่ย้ายเข้ามาอยู่ เลือกใช้สีโทนร้อนช่วยเพิ่มความสดใส ดังจะเห็นได้จากสีของตัวบ้าน ภาพศิลปะ และชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกมาประดับตกแต่งบ้านหลังนี้ ก็สร้างความมีชีวิตชีวาในช่วงวันหยุดได้ไม่แพ้กัน

ใช่ เพียงแค่ตัวบ้าน หรือการนั่งปล่อยอารมณ์ไปกับสายลมโชยและเสียงคลื่นกระทบฝั่งกับหนังสือดีๆ สักเล่มเท่านั้น แต่ทุกชีวิตในรอบรั้วที่อยู่ร่วมกันด้วยความเป็นกันเอง ก็เป็นส่วนเติมเต็มให้วันพักผ่อนของชาวไอริชผู้นี้ครบสูตรยิ่งขึ้น

นอก จาก แม่บ้านและพนักงานที่ร้าน Chinawhite บาร์เล็กๆ ในตัวเมืองหัวหิน ที่เขาเป็นเจ้าของแล้ว เจ้าตูบทั้งสาม Digby,Ben และ Storm ก็ยังเป็นเพื่อนคลายเหงายามที่ต้องอยู่ห่างครอบครัว ซึ่งโจเอล ยอมรับว่า แม้ตัวเขาเองจะเป็นไอริช แต่ตกหลุมรักเมืองไทยเข้าอย่างจัง คิดเสมอว่าที่นี่เป็นบ้าน และตั้งใจว่า..ชีวิตหลังเกษียณจะขอพำนักอยู่ในเมืองไทยต่อไป

"อยากเป็นคนไทยนะ แต่ความจริงแล้วเราก็รู้ว่า... เราไม่ใช่ ฉนั้นยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นจะดีกว่า และ อย่า! พยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง มันคงตลก แต่ในฐานะผู้มาพำนักในบ้านเมือง ที่ๆ เราก็หวังเสมอว่าจะได้อยู่ไปนานๆ ก็ถือเป็นความจำเป็นอย่างมาก... ที่ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับวัฒนธรรมและสังคมที่เรามาอาศัยอยู่ได้อย่างกลม กลืน และสิ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นคือ มิตรภาพกับความจริงใจที่ต้องมีให้กับทุกคน ณ ที่แห่งนั้น"

”Irish Traditional Music, Song and Dance”

ดนตรีไอริชเป็นหนึ่งในดนตรีพื้นบ้านไม่กี่ชนิดที่มีเสน่ห์จับใจผู้คนไป ทั่วโลก นอกจากความงดงามอย่างไม่ต้องสงสัยของท่วงทำนองและลีลาการแสดงแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกประการของดนตรีพื้นบ้านไอริชก็คือบทบาททางสังคมและการ เมือง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ชาวไอริชใช้ดนตรีของตัวเองระบายความรู้สึกอัดอั้น แค้นเคือง และปลุกเร้าการต่อสู้เพื่อขับไล่กองทัพอังกฤษที่บุกเข้ายึดครอง หรือช่วงที่ชาวไอริชต้องเดินทางจากบ้านเกิดไปบุกเบิกโลกใหม่ในประเทศสหรัฐ อเมริกา ดนตรีและการเต้นรำเป็นเพียงไม่กี่สิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวและสร้างความภาคภูมิ ใจในความเป็นไอริชท่ามกลางสังคมที่หลากล้นไปด้วยผู้คนต่างเผ่าพันธุ์จากทั่ว โลกที่เดินทางมาสร้างชีวิตใหม่เช่นเดียวกัน ในช่วงเวลานี้เองที่ทำให้ดนตรีไอริชกลายเป็นรากเหง้าสำคัญของดนตรีพื้น บ้านอเมริกัน ซึ่งต่อมาไม่นานดนตรีพื้นบ้านอเมริกันหรือดนตรีโฟล์คจากการขับขานของบ๊อบ ดีแลน หรือโจแอน เบซ ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและการต่อสู้ของขบวนการนักศึกษาหนุ่มสาว ทั้งหลายทั่วโลกในช่วงทศวรรษที่ 1960s ซึ่งในกรณีของประเทศไทยก็ได้ทำให้ดนตรีโฟล์คกลายเป็น “ภาพตัวแทน” ที่ทรงพลังที่สุดของศิลปะเพื่อการเมืองในความคิดของศิลปินและนักเคลื่อนไหว ชาวไทยนับตั้งแต่อดีตนั้นเป็นต้นมา
นี่จึงเป็นโอกาสอันดียิ่งที่วงวิชาการ นักเคลื่อนไหว หรือแม้แต่กระทั่งคนไทยทั่วไปที่รักในเสียงดนตรี จะได้มีโอกาสสัมผัสกับรากเหง้าดนตรีโฟล์คแท้ๆ จากนักเต้นและนักดนตรีพื้นบ้านไอริชฝีมือเยี่ยมที่สุดกลุ่มหนึ่งที่รวมตัว เฉพาะกิจเพื่อการแสดงในงานประชุมครั้งนี้เพียงรอบเดียวเท่านั้น ได้แก่ Mick Moloney (เทเนอร์แบนโจ, แมนโดลิน, กีตาร์), Athena Tergis (ไวโอลิน), John Murphy (ปี่อุยลีน — ปี่ถุงลมคล้ายปี่สก๊อตที่เป่ายากและซับซ้อนมากที่สุด), Frank Crocker (กลองบ๊อดดราน — เครื่องดนตรีโบราณที่สุดของชาวไอริช) และ Niall O’Leary (แชมป์โลกสเต๊ปดานซ์ — การเต้นพื้นบ้านอันโด่งดังของชาวไอริช) และนี่ยังถือเป็นการแสดงดนตรีพื้นบ้านไอริชเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการครั้ง แรกในประเทศไทยอีกด้วย

ผมรวยที่สุดในสเปน

ผมรวยที่สุดในสเปน



ณ วันนี้ เวลานี้ คนที่จะสามารถพูดประโยคนี้ได้ มีเพียงคนเดียว คือ Amancio Ortega เพราะว่าตามรายงานของ World's Richest People 2005 จากนิตยสาร Forbes บอกว่า นาย Amancio Ortega วัย 69 ปี ผู้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จำนวน 12,600 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศสเปน และรวยเป็นอันดับที่ 23 ของโลก

หลายคนอาจเริ่มจินตนาการกันแล้วว่า Ortega ร่ำรวยมาจากธุรกิจอะไร อาจจะเป็นเทคโนโลยีการสื่อสาร, ไบโอติกส์, คอมพิวเตอร์, ธุรกิจค้าปลีก ซูเปอร์ สโตร์ ฯลฯ ตามรูปแบบธุรกิจยอดฮิตที่สามารถสร้างความร่ำรวยได้ในยุคโลกาภิวัตน์

ขอตอบว่า ไม่ใช่เลย เขาผู้นี้ขายผ้าครับ ถ้าจะขยายก็คือ ขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป เผอิญว่าขายดีจึงขายไปทั่วโลกแล้วจึงรวย เป็นที่มาของกลุ่ม Inditex ที่มียอดขายต่อปีไม่ต่ำกว่า 5,500 ล้านยูโร ซึ่ง Ortega เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นเจ้าของแบรนด์หลักของกลุ่มนี้คือ Zara แบรนด์ต่อมาคือ Massimo Dutti, Stradivarius, Pull& Bear, Bershka, Kiddy's, Oysho รวมกันมี 2,296 ร้าน ใน 56 ประเทศ

Ortega เกิดที่เมืองเลออน ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่ แคว้นกาลิเซียทางภาคเหนือ เริ่มเข้าทำงานที่ร้านขาย เสื้อผ้าแห่งหนึ่ง เขาได้เรียนรู้ทุกอย่างในการทำธุรกิจเสื้อผ้าจากร้านแห่งนั้น จึงตัดสินใจเปิดร้าน Zara ร้านแรกของตัวเองขึ้นในปี 1975 จนได้เติบโตมาเป็นกลุ่ม Inditex ได้ใช้เวลาแค่ 30 ปี ก็กลายเป็นเบอร์สามของโลก รองจาก GAP และ H&M

Ortega ไม่ได้จบจากโรงเรียนทางธุรกิจ ไม่ได้ จบ MBA ไม่ได้มาจากครอบครัวนักธุรกิจ พ่อของเขาเป็นแค่พนักงานของการรถไฟ แต่เขาได้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศ เขาทำได้อย่างไรในเวลาเพียงไม่กี่ปี ในธุรกิจเสรีที่ไม่มีสัมปทาน และไม่มีการผูกขาด

คำถามนี้ยังดูเป็นปริศนาเกินไป เพราะแม้แต่ชื่อของ Ortega เอง กลับไม่เป็นที่รู้จักมากนักในประเทศสเปน ผมเองอยู่ประเทศนี้มาสี่ปี เพิ่งเห็น Ortega ปรากฏตามสื่อต่างๆ เพียงแค่ครั้งสองครั้ง เคยถามเพื่อนๆ ชาวสเปนที่เรียนด้วยกันว่า ใครรวยที่สุดในสเปน? ก็ตอบกันไปว่า คนโน้นมั่ง คนนี้มั่ง แต่ก็ไม่เคยถูกสักที ความไม่ดังอันนี้ไม่ทราบว่าเป็นความสามารถพิเศษของ Ortega เอง ที่เล่ากันว่า เขาเป็นคนง่ายๆ ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ทานกาแฟร้านเดิมกับเพื่อนฝูงกลุ่มเดิม แล้วก็ไปทำงานหรือว่ามี "มาตรการพิเศษ" ที่จะป้องกันการรบกวนของสื่อ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ตามสไตล์ของมหาเศรษฐี หรือว่าจะเป็นไปตาม สมมติฐานนี้ที่ว่าคนสเปนส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางถึงล่าง ไม่ค่อยให้ความสนใจว่า ใครจะรวยหรือรวยมากอย่างไร คิดแต่เพียงว่า ทำอย่างไรตนจึงมีการมีงานทำ และใช้เงินที่ได้มาไปหาความสนุกเพลิดเพลินให้กับชีวิตตามอัตภาพ ฉะนั้นคนดังที่นี่จะไม่ใช่คนรวย แต่มักเป็นพวกดารานักร้องที่ปรากฏให้เห็นในทีวี และนิตยสารต่างๆ เพราะว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้คนในสังคมได้ ประกอบกับในทางความเชื่อของคนที่นี่ พวกเขายอมรับว่าสิ่งที่ได้มาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรัพย์สินเงินทอง เป็นพรของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงประทาน ประทานให้ใครก็เป็นของคนนั้นของใครก็ของใคร แม้ว่ายังหาคำอธิบายไม่ได้ว่า ทำไมพรอันนั้นจึงไม่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคน

Zara เป็นร้านขายเสื้อผ้าร้านเดียวในสเปนที่มีลูกค้ายืนรอเข้าแถวซื้ออยู่เป็น ประจำ ถ้าถามว่าทำไม Zara จึงขายดีขนาดนี้ จากภายนอกเริ่มตั้งแต่ตู้โชว์สินค้าที่เป็นคอลเลกชั่นใหม่ๆ เป็นสไตล์สีอ่อน โดยมีสีขาวเป็นหลัก เสริมด้วยสีโทนอ่อนเรียบ น้ำตาลอ่อน เทา เป็นต้น ให้ความรู้สึกว่า "น่าเข้าไปดู" คือไม่หรูเกินไปและไม่ธรรมดาเกินไป เป็นความพอดีตั้งแต่ภายนอก ภายในก็จะแบ่งเป็นแผนกหญิงชายและเด็ก เน้นการตกแต่งที่เป็นสีขาวและสีสดใส เขียวอ่อน ส้ม หรือชมพู

ในด้านการดีไซน์ผลิตภัณฑ์ ก็เป็นแบบเรียบง่าย แต่แฝงความทันสมัยไว้ในบางจุด เน้นสีโทนอ่อนนุ่ม สำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวัน สำหรับไปทำงาน ไปเรียน หรือไปเที่ยว นี่ก็เป็นความพอดีอันที่สอง หากพลิกดูป้ายราคาก็ยิ่งน่าสนใจ ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป ในระดับ 20-50 ยูโร จึงได้เป็นความพอดีอย่างที่สาม ดูเหมือนว่าบทสรุปของความนิยมของ Zara อยู่ที่ความพอดี เป็นเสื้อผ้าที่ "มียี่ห้อ" ที่ทุกคนมีสิทธิ์สวมใส่ ซึ่งถือว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่ตอบสนองสังคมบริโภคนิยมในยุคปัจจุบันได้เป็น อย่างดี แต่ข้อมูลในเชิงการตลาดบอกว่าการที่ Zara เป็นที่นิยมขนาดนี้ เพราะว่า Ortega ผู้นี้สามารถเปลี่ยนตู้โชว์หน้าร้านให้มีคอลเลกชั่นใหม่พร้อมกันทั่วโลกใน ทุกสองสัปดาห์ ทำให้เป็นที่ติดตามของสาวๆ และแม่บ้านทั้งหลาย

โลกตะวันออกยังเป็นดินแดนไกลโพ้นในความรู้สึกของชาวสเปนอยู่เสมอ แต่ Zara ก็ได้ไปถึงที่นั่นแล้ว โดยเริ่มต้นแล้วที่โตเกียว, ฮ่องกง, สิงคโปร์, กัวลาลัม เปอร์ การขยายตัวของ Zara ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่รีบร้อน แต่ไม่หยุดนิ่ง อย่างมืออาชีพ คาดว่าอีกไม่นาน ก็คงได้เห็นร้าน Zara ในกรุงเทพฯ และไม่ว่าร้าน Zara จะไปเปิดที่ไหน จะต้องใหญ่ และอยู่ใจกลางเมือง ในทำเลที่ดีที่สุด จนมีผู้กล่าวว่าถ้าไปเมืองไหนที่ไม่รู้จัก หากเจอร้าน Zara แสดงว่าตรงนั้นแหละเป็นดาวน์ทาวน์

ท่ามกลางภาวะความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป กลุ่ม Inditex จึงเริ่มหันเข้าไปลงทุนในกลุ่มธุรกิจอื่นบ้างแล้ว เช่นในกลุ่มพลังงาน และโรงแรม คาดกันว่าหากกลุ่มธุรกิจนี้ไม่ไปทำอะไรที่ผิดพลาดจนเกินไป ก็จะกลายเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่จะทำอะไรได้อีกมาก อย่างน้อยก็สำหรับระบบเศรษฐกิจของสเปน

สุดยอดต้นแบบ สถาปัตยกรรมรักษ์โลก

สุดยอดต้นแบบ สถาปัตยกรรมรักษ์โลก

วารีนคร

วารีนคร

เกษตรลอยฟ้า

เกษตรลอยฟ้า

ทะเลทรายสีเขียว

ทะเลทรายสีเขียว

เมืองธรรมชาติ

เมืองธรรมชาติ



"หอคอย" พลังลม

โรงแรมกลางทะเล

โรงแรมกลางทะเล

สุดยอดต้นแบบ สถาปัตยกรรมรักษ์โลก (ข่าวสด)

สถาปนิกชั้นนำทั่วโลกต่างพยายามรังสรรค์-เนรมิต "สถาปัตยกรรมสุดขั้ว" ทลายกรอบความคิดเดิมๆ เพื่อใช้รับมือกับวิกฤตประชากรล้นโลก และดูแลรักษาสภาพแวดล้อมไปในตัว ดังเช่น ผลงานทั้ง 6 ชิ้น แม้บางส่วนอาจเกิดจากจินตนาการที่ดูเหมือนไกลเกินเอื้อม แต่ก็ช่วยปลุกเร้าความคิด และพัฒนาการใหม่ๆ เพื่อโลกมนุษย์

1. วารีนคร : Floating Ecopolis

นัก วิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่า ถ้าวิกฤตโลกร้อนดำเนินไปจนถึงจุดแตกหัก ประเทศหมู่เกาะและพื้นที่ชายฝั่งทั่วโลกจะถูกน้ำทะเลกลืนหาย รวมถึงเกาะมัลดีฟส์ เพชรเม็ดงามในมหาสมุทรอินเดีย

วินเซนต์ คาเลโบต์ สถาปนิกชาวเบลเยียม จึงออกแบบ "มหานครลอยน้ำ" ซึ่ง แต่ละเมืองเป็นเอกเทศแยกออกจากกัน โดยตัวเมืองจะถูกทอดสมอลอยอยู่นอกแผ่นดินใหญ่ และทนต่อแรงซัดของคลื่น วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่รองรับประชากรที่ต้องลี้ภัยจากภาวะโลกร้อน แต่ละแห่งรองรับประชากรได้ 50,000 คน

ระบบ สาธารณูปโภคสำคัญ คือ ระบบเก็บสะสมและกรองน้ำฝน สร้างภูเขาจำลองเพื่อใช้เป็นจุดก่อสร้างที่พัก ส่วนไฟฟ้าผลิตจากพลังคลื่นและแสงอาทิตย์

2. เกษตรลอยฟ้า

ทุก วันนี้มหานครอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ชาติอภิมหาเศรษฐีธุรกิจน้ำมัน มีประชากรกว่า 800,000 คน ชีวิตประจำวันของผู้คนต้องพึ่งพาโรงผลิตน้ำสะอาดขนาดใหญ่ 5 แห่ง และนำเข้าผักผลไม้เพื่อการบริโภค เพราะสภาพอากาศร้อนแล้ง เนื่องจากเป็นเขตทะเลทราย

บริษัทสตูดิโอโมบายล์ ประเทศอิตาลี นำเสนอแบบแปลน "หอเกษตรลอยฟ้า" ตั้ง ตระหง่านกลางอาบูดาบี โครงสร้างประกอบด้วยเรือนกระจกขนาดใหญ่ 5 โรง มีหน้าตาเหมือนกับรังดักแด้ โดยดึงน้ำทะเลนอกชายฝั่งมาแปรสภาพเป็นไอน้ำหล่อเลี้ยงพืชผักข้างใน และยังมีกระบวนการแปรรูปน้ำทะเลเป็นน้ำจืดได้ด้วย

3. ทะเลทรายสีเขียว

บริษัทเอ็กซ์พลอเรชั่น อาร์คิเทคเจอร์ ออกแบบโครงการ "ซาฮารา ฟอเรสต์ โปรเจ็กต์" เป้าหมายเพื่อเปลี่ยนสภาพทะเลทรายตามเขตที่ราบต่ำติดทะเลของ "ทะเลทรายซาฮารา" ให้ กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกพืช ผลิตน้ำจืด และทำหน้าที่เป็นแหล่งน้ำสำหรับปลูกพันธุ์พืชสีเขียวขจีภายในพื้นที่รัศมี โดยรอบ พลิกฟื้นดินแตกระแหงสู่ความชุ่มชื้น

โครงสร้างหลักของ "ซาฮารา ฟอเรสต์ โปรเจ็กต์" ได้แก่ ระบบดึงน้ำจากทะเลเข้ามาใช้งาน แผงโซลาร์เซลล์แปลงแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าเพื่อใช้เดินเครื่องสร้างไอน้ำ ส่วนน้ำเหลือทิ้งจากระบบจะนำไปใช้รดเพาะปลูกพันธุ์พืชโดยรอบ

4. เมืองธรรมชาติ

ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า "เมืองสีเขียว" 648,000 ตารางเมตร จะถือกำเนิดขึ้นห่างจากตอนใต้ของกรุงโซล เมืองหลวงเกาหลีใต้ 35 กิโลเมตร มีชื่อเรียกว่า "กวางเกียว กรีน พาวเวอร์ เซ็นเตอร์" (ศูนย์พลังงานสีเขียวกวางเกียว) ออกแบบและพัฒนาโดย บริษัทเอ็มวีดีอาร์ เนเธอร์แลนด์

แนว คิดการสร้างเมืองใหม่จงใจออกแบบสิ่งปลูกสร้างลักษณะวงแหวนคล้ายๆ ภูเขา ไล่สูงขึ้นไปเป็นชั้นๆ เพื่อให้กลมกลืนธรรมชาติ ตัวเมืองมีทั้งส่วนที่พักอาศัย แหล่งช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ สถาบันการศึกษา สำนักงาน ศูนย์วัฒนธรรม ที่จอดรถ นอกตัวอาคารทุกแห่งจะมีระเบียงปลูกต้นไม้ไล่ไปทุกชั้น รองรับประชากร 70,000 คน

5. "หอคอย"พลังลม

ยู จีน ซุย สถาปนิกอเมริกันเชื้อสายจีน เริ่มต้นคิดโครงการนี้ และนำไปเสนอกับผู้บริหารนครโอ๊กแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ แต่ไม่ผ่านการอนุมัติ ล่าสุดหอบหิ้วผลงานไปนำเสนอกับผู้บริหารนครเสิ่นเจิ้น เมืองท่าสำคัญของจีน

"หอคอยพลังลม" ของซุย สร้างบนเกาะจำลองขนาดเล็กบริเวณอ่าวนอกชายฝั่งเสิ่นเจิ้น และปลูกป่าโกงกางคอยกรองมลพิษ ตัวหอคอยติดตั้งเทอร์ไบน์กังหันลม ผลิตไฟฟ้าป้อนพื้นที่ตามแนวชายฝั่ง รวมทั้งมีส่วนร้านอาหาร และหอสังเกตการณ์ เพื่อใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวไปในตัว

6. โรงแรมกลางทะเล

บริษัท มอร์ริส อาร์คิเทค มองว่า แท่งสำรวจขุดเจาะน้ำมันเก่าๆ นำมาใช้ประโยชน์ได้ ไม่ควรปล่อยทิ้งเป็นขยะกลางทะเล แผนการของบริษัทแห่งนี้ก็คือ เริ่มต้นปรับปรุงสภาพฐานขุดเจาะน้ำมันร้างนอกชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก ให้กลายเป็น โรงแรม-แหล่งท่องเที่ยว กลางทะเล มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์แปลกใหม่ ส่วนแหล่งพลังงานใช้ระบบพลังงานทางเลือกจากคลื่นและลม

"เราคิดว่าการปรับโฉมแท่งขุดเจาะน้ำมันเหล่านี้ยังเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า ยุคสมัยแห่งพลังงานสกปรกกำลังจะหมดไปอีกด้วย" มอร์ริส อาร์คิเทค ระบุ

บุคลิกพิชิตใจ เพื่อนร่วมงาน

บุคลิกพิชิตใจ เพื่อนร่วมงาน

บุคลิก
ใน ยุคที่มนุษย์เงินเดือนต่างแข่งขันกันเป็นพนักงานดีเด่นในองค์กรนั้น ความเป็นจริงแล้ว การตั้งใจทำงานอย่างเดียวคงยังไม่พอ หากแต่อยู่ที่การปรับบุคลิกของตัวเองให้ดูดี มีการแต่งกายที่เหมาะสม เป็นคนรู้จักกาลเทศะ และรู้จักใฝ่หาความรู้เพื่อพัฒนางานที่ตัวเองกำลังรับผิดชอบอยู่ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นำไปสู่ความสำเร็จทั้งในเรื่องงานและเรื่องคน

รศ. ดร.ศักดา ปั้นเหน่งเพ็ชร์ แห่งภาควิชาวาทวิทยา คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับอาสามาบอกเล่าสูตรความสำเร็จอย่างง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณก้าวสู่ทำเนียบดาวเด่นในองค์กรอย่างสบายๆ

 อย่ามองข้ามรูปลักษณ์ภายนอก 
คน ที่อยู่ในโลกแห่งการทำงานนั้น จำเป็นต้องรู้ว่าปัจจุบันคนที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตการงานได้นั้น รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดี ก็มีส่วนอย่างมากที่จะทำให้คุณก้าวสู่ตำแหน่งงานที่สูงขึ้นได้

“เราจะ เห็นว่า นักธุรกิจหรือผู้บริหารระดับสูง แม้ว่าจะอายุเยอะกันแล้ว แต่ก็พยายามจะทำให้ตัวเองดูเด็กลงกว่าเดิม ดังนั้น จึงมีนักธุรกิจระดับผู้บริหาร นักการเมือง มาลงทุนเรียนคอร์สด้านปรับบุคลิกภาพอยู่มากมาย บางคนมีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับบุคลิกภาพให้มาเป็นสไตลิสต์ส่วน ตัว ดูแลด้านทรงผม เสื้อผ้า โดยเฉพาะ แต่อย่าลืมว่ารูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญมากในระยะแรกเท่านั้น และเป็นการสร้างความประทับใจครั้งแรก แต่จะสิ้นสุดในระยะเวลาอันรวดเร็ว หากบุคคลนั้นไม่มีความรับผิดชอบในการทำงาน หรือมีผลงานไม่เข้าตา”

 อย่าทำตัวมาดเยอะเกินเหตุ 
ใน โลกแห่งการทำงาน คนบางคนดูดี ดูโก้ แต่ไม่ค่อยเป็นมิตร ความประทับใจก็จะลดลงไป แต่ถ้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทำตัวเป็นคนน่ารัก ก็จะมีคนชื่นชอบเยอะ เพราะฉะนั้นไม่ใช่จะแต่งตัวดูเท่อย่างเดียว แต่จะต้องมีการกระทำอื่นๆ ที่น่าประทับใจตามมาด้วย

การแสดงออกทางสีหน้า ดูยิ้มแย้ม ไม่เครียด ไม่เกร็ง ไม่หยิ่ง ไม่เชิด พูดจาน่ารัก มองใครด้วยสายตาเป็นมิตร เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการงาน ถ้าเป็นผู้ชายก็อย่าทำตัวมาดเยอะ แม้ว่าจะเป็นคนหล่อ หน้าตาดี คะแนนนิยมก็ตกลงเอาได้ง่ายๆ

นอกจากนี้ จะต้องเรียนรู้ด้วยว่า ธรรมเนียมปฏิบัติในที่ทำงานนั้นเป็นอย่างไรบ้าง อย่างเช่น ไปพบลูกค้า เราต้องทำตัวอย่างไร แต่งตัวอย่างไร พูดกับผู้ใหญ่จะพูดอย่างไร หรือพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาจะมีวิธีพูดอย่างไร และต้องศึกษาเรื่องหลักการกิน การดื่ม การใช้นามบัตร การตอบรับบัตรเชิญ เหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ
เราจะเห็นว่าทำไมบางคนจึงก้าวหน้าเร็ว เป็นที่ชื่นชมทั้งในองค์กรและนอกองค์กร คำว่า Performance นั้นกว้างมาก ยังรวมถึงเรื่องของสีหน้า สายตา การกระทำ ความเป็นคนมีมารยาท จะต้องถูกตามกาลเทศะของสังคมด้วย

 เป็นคนมีศักยภาพ
ยังไม่สายเกินไป ที่ปีหน้าพนักงานจะศึกษางานขององค์กรอย่างถ่องแท้มากกว่าเดิม เพื่อให้เป็นคนรู้จริงในสายงานที่ตัวเองรับผิดชอบ

“บาง คนมีความรู้ดีในเรื่องของทฤษฎี ไอเดียดี แต่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักที และต้องมีความจัดเจนในการทำงาน เช่น ลูกน้องทำงานมาแล้ว เราไม่พอใจ ก็แก้ให้ดูเลยทันที ให้เขาเห็นเลยว่าเราสามารถทำได้ คนที่ทำงานที่เก่งต้องทำได้ตั้งแต่รากหญ้าจนถึงยอดไม้ ส่วนความเป็นคนดีก็ต้องมีด้วย เพราะแม้จะมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่งก็ตาม แต่ขาดคุณธรรมก็จบ และที่ขาดไม่ได้คือต้องเป็นคนมีศีลธรรม”

 มีทักษะในการสื่อสาร
คน ที่คาดหวังจะประสบความสำเร็จในชีวิตการ งาน จะต้องมีทักษะด้านการสื่อสารควบคู่กันไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในสถานการณ์ของการสัมภาษณ์ หัวหน้างานก็ต้องถามคำถามที่ดี คนตอบก็ต้องตอบอย่างรู้เท่าทันว่าคนที่ถามเราต้องการอะไรจากเรา ส่วนในสถานการณ์ของการทำงานจริงๆ หัวหน้างานก็ต้องมีทักษะในการออกคำสั่งมอบหมายงาน หัวหน้างานควรต้องสั่งงานอย่างถ้วนถี่ และมีความรอบคอบควบคู่กันไป ลูกน้องก็เหมือนกัน ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องถามหัวหน้างานทันที ไม่ควรนำเอาไปตีความเอง พองานออกมาไม่ตรงกัน ก็ทำให้ทะเลาะกันเปล่าๆ เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่ายต้องใช้ทักษะการสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจกันมากที่สุด
 แต่งตัวให้เป็น
แม้ ว่าเสื้อผ้าจะเป็นสิ่งที่อยู่ภายนอกก็ ตาม แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการทำงาน ดังคำพูดที่ว่า แต่งตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เดี๋ยวนี้จะเห็นว่าคนทำงานออฟฟิศรุ่นใหม่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายให้ความสำคัญ กับการเลือกซื้อเสื้อผ้าสวมใส่มากกว่าแต่ก่อน

นับตั้งแต่ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เทรนด์การแต่งกายโดยภาพรวมนั้นลดความเป็นทางการลงอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่ทำงานออฟฟิศทั้งหลาย เช่น หนุ่มทำงานในนิวยอร์คเวลาที่สวมสูททั้งชุดนั้น รองเท้าที่เขาใส่จะเป็นรองเท้าลำลองที่ใส่กับชุดทักซิโด และใส่กับแบล็กไทได้เช่นกัน และยังสามารถนำรองเท้าแบบลำลองมาสวมกับสูทชุดกลางวันโดยที่ไม่ต้องใส่ถุง เท้าได้ด้วย

ในโลกปัจจุบัน ผู้บริหารระดับสูงในองค์กรเองก็ลดระดับการแต่งตัวที่เป็นทางการลงมาเช่น เดียวกัน อย่างเช่นที่นิวยอร์คตอนนี้ พบว่าสูทประเภทสีเข้ม สีกรมท่า แทบจะไม่ค่อยเห็นสักเท่าไหร่

รศ. ดร.ศักดา กล่าวว่า ถ้าเราไปนิวยอร์คเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทุกคนติดใส่เสื้อที่เป็นลายเส้น สีดำ สีเทา สีน้ำเงิน แล้วแมตช์กับเสื้อเชิ้ตขาว แต่เดี๋ยวนี้จะพบว่า สูทสีน้ำตาล สีออกทองๆ แล้วแจ็กเก็ตที่เป็นสปอร์ตโค้ต จะใส่กันเยอะขึ้น ดูลำลองลง มีสีสันมากขึ้น

ส่วน ทรงผมเมื่อก่อนก็จะหวีเรียบ ใส่น้ำมัน เดี๋ยวนี้เป็นทรงทันสมัย แทบจะไม่เห็นแบบ wet look ที่ใส่เจลแบบเดิมๆ ทรงผมจะดูสบายๆ ทำสีผมกันมากขึ้น แล้วก็ปล่อยผมแบบสบายๆ รับอากาศบริสุทธิ์มากขึ้น แว่นตาที่เห็นเป็นกรอบแข็งๆ เดี๋ยวนี้ก็จะซอฟต์ลง แต่เทรนด์ที่เห็นสำคัญมากก็คือ ผู้ชายหันมาดูแลผิวพรรณ ดูแลตัวเองมากขึ้น

images

แพนด้าน้อย ชวนตั้งชื่อ ชิง 1 ล้าน

แพนด้าน้อย ชวนตั้งชื่อ ชิง 1 ล้าน

รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ ตรวจเยี่ยมลูกหมีแพนด้าน้อยอย่างใกล้ชิด

รม ว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจเยี่ยมพร้อมมอบสูติบัตรให้ลูกหมีแพนด้าน้อยเกิดใหม่ที่สวนสัตว์ เชียงใหม่ เผยเตรียมเร่งเจรจาจีนเพื่อขอขยายเวลาให้ครอบครัวแพนด้าทั้ง 3 ตัวอยู่ในประเทศไทยต่อไป คาดไม่เกินต้นเดือน ก.ค.52 มีความคืบหน้า เล็งชวนตั้งศูนย์วิจัยพัฒนาร่วมไทย-จีน เป็นการถาวร ส่วนการตั้งชื่อลูกแพนด้าจะเปิดโอกาสให้ประชาชนส่งชื่อได้ที่สวนสัตว์ทั้ง 5 แห่งทั่วประเทศ และผ่านสื่อมวลชน แล้วส่งไปรษณีย์บัตรโหวตให้คะแนน ชิงเงินรางวัลสูงสุด 1 ล้านบาท ด้านเสื้อแดงเชียงใหม่ตามป่วนคณะของรัฐมนตรีทั้งที่สนามบินและหน้าสวนสัตว์

วันนี้ (2 มิ.ย.) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมนายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินทางตรวจเยี่ยมลูกแพนด้าเกิดใหม่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ที่เกิดจาก “หลินฮุ่ย” แม่แพนด้า โดยการผสมเทียมจากน้ำเชื้อของ “ช่วงช่วง” แพนด้าตัวผู้ พร้อมทั้งมอบสูติบัตรให้กับลูกหมีแพนด้าตัวนี้ ซึ่งวันนี้มีอายุครบ 7 วันพอดีและมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี เช่นเดียวกับแม่แพนด้า “หลินฮุ่ย”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า การ เกิดของลูกแพนด้าน้อยตัวนี้ที่มีอายุครบ 7 วันพอดีในวันนี้ (2 มิ.ย.) เป็นสิ่งที่สร้างความดีใจให้ทั้งชาวไทยและชาวจีน รวมทั้งชาวต่างชาติที่ชื่นชมแพนด้าเป็นอย่างยิ่ง โดยการมาในครั้งนี้นอกจากการตรวจเยี่ยมลูกแพนด้าแล้วยังเป็นการมาตรวจดู โครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทยด้วย ว่ามีความก้าวหน้ามากน้อยเพียงใด เพื่อสร้างความร่วมมือกับจีนต่อไปในระยะยาว

สำหรับ การเจรจากับทางจีน เพื่อขอขยายระยะเวลาในการอนุญาตให้แพนด้าทั้ง 3 ตัวอยู่ในประเทศไทยต่อไปนั้น นายสุวิทย์กล่าวว่า เบื้องต้นได้มอบหมายให้องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดำเนินการเจรจาในระดับเจ้าหน้าที่แล้ว จากนั้นจึงจะเป็นการเจรจาในระดับรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งการเจรจาระดับรัฐมนตรีนั้น คาดว่าน่าจะมีขึ้นไม่เกินต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ที่จะมีการเดินทางไปจีนและเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์และวิจัยขยายพันธุ์หมี แพนด้าด้วย

แนวทางในการเจรจาขยายเวลานั้น เบื้องต้นมองว่าอยากจะให้เป็นไปในลักษณะของการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาการ ขยายพันธุ์หมีแพนด้าร่วมไทย-จีน เป็นการถาวรอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จีนสามารถมาทำการศึกษาวิจัยได้ตลอดเวลา ทั้งนี้เชื่อว่าจากการที่โครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าประสบความสำเร็จใน การผสมพันธุ์แพนด้า จนให้กำเนิดลูกหมีแพนด้าน้อยมาแล้ว น่าจะเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับทางจีนในการพิจารณาการขยายเวลาดัง กล่าวออกไป

“ที่ผ่านมาในส่วนของเราได้มีการ หารือกันแล้ว ถึงการเจรจาขอขยายเวลาให้แพนด้าอยู่ในประเทศไทยต่อไป ซึ่งเมื่อดูจากรายละเอียดเนื้อหาของข้อตกลงที่จีนอนุญาตให้แพนด้ามาอยู่ใน ประเทศไทย ก็พบว่าสามารถที่จะขอเจรจาเพื่อขยายเวลาได้หาก ช่วงช่วง และ หลินฮุ่ย อยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ครบ 10 ปี แล้ว โดยในการเจรจาขอขยายเวลานั้น จะรวมแพนด้าทั้ง 3 ตัว และหากเป็นไปได้ ไม่อยากให้เป็นการขยายเวลาเพียงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่อยากให้เป็นการสร้างความร่วมมือกันในระยะยาว เพื่อศึกษาวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการขยายพันธุ์แพนด้ามากกว่า” นายสุวิทย์ กล่าว

ขณะ ที่ นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงการตั้งชื่อลูกแพนด้าตัวนี้ว่า เบื้องต้นจะเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถส่งชื่อได้ที่สวนสัตว์ทั้ง 5 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งส่งชื่อผ่านไปยังสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์และวิทยุ ภายในวันที่ 12 มิ.ย.52 จากนั้นองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะทำการรวบรวมรายชื่อทั้งหมดมาให้คณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ในพระบรม ราชูปถัมภ์ ทำการพิจารณาคัดเลือกให้เหลือเพียง 4 ชื่อ ซึ่งผู้ที่เสนอชื่อทั้ง 4 ชื่อนี้ จะได้รับเงินรางวัลรายละ 100,000 บาท พร้อมตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์และวิจัยขยายพันธุ์หมีแพนด้าที่ ประเทศจีน

ทั้งนี้ เมื่อเหลือเพียง 4 ชื่อที่ได้รับการคัดเลือกแล้วจะเปิดให้ประชาชนทั่วประเทศ ร่วมกันโหวตผ่านไปรษณียบัตรว่าชื่อใดมีความเหมาะสมที่สุด ซึ่งชื่อได้รับคะแนนโหวตมากที่สุดจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท พร้อมรถยนต์ 1 คัน โดยการประกวดตั้งชื่อลูกหมีแพนด้าตัวนี้ ทางองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งใจที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 12 ส.ค.52 นี้ ด้วย

รายงาน ข่าวแจ้งว่า ในการเดินทางมาตรวจเยี่ยมลูกหมีแพนด้าเกิดใหม่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะในครั้งนี้ ได้มีกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นำโดยกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 จำนวนหนึ่ง ได้ไปรวมตัวชุมนุมและแสดงปฏิกิริยาต่อต้านด้วยการปราศรัยโจมตี ที่บริเวณหน้าท่าอากาศยานเชียงใหม่ รวมทั้งยังติดตามไปชุมนุมที่บริเวณหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ด้วย

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์

มันมากับฝน โรคที่ต้องระวังในฤดูฝน

มันมากับฝน!!โรคที่ต้องระวังในฤดูฝน

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง ฝนตกมากขึ้น ปริมาณ ความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น แถมบางวันอากาศก็ร้อนมากกว่าปกติ เป็นผลทำให้ร่างกายปรับตัวรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ไม่ทัน นอกจากนี้ยังเป็นฤดูที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางระบบ หายใจหลายชนิด ทำให้เกิดการเจ็บป่วยของโรคระบบหายใจทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่เป็นกันถ้วนหน้า ไม่ว่าเด็กเล็ก เด็กโต คุณพ่อ คุณแม่ ในวันนี้จะขอกล่าวถึงโรคระบบทางเดินหายใจในเด็กที่พบได้บ่อยๆ ขณะนี้ โดยจะแยกง่ายๆ เป็นโรคระบบทางเดินหายใจส่วนบน และระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง

โรคหวัด ระบบทางเดินหายใจ




โรคหวัด เรื่องธรรมดาที่ไม่อาจหนีพ้น…


โรคของระบบทางเดินหายใจส่วนบน ที่พบได้บ่อยสุดคงหนีไม่พ้นโรคหวัด แม้กระทั่งข้อมูลของประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกายังพบอุบัติการณ์ ของโรคหวัดในเด็กวัยเรียนที่ถือว่าเป็นปกติประมาณปีละ 6-8 ครั้ง ดังนั้นคุณพ่อ คุณแม่ที่มีลูกวัยเข้าเรียนที่พอเริ่มไปโรงเรียนปุ๊บ! เป็นหวัดปั๊บ! บางคนไปโรงเรียน 2 วัน หยุด 1 อาทิตย์ บางคนไปอาทิตย์เว้นอาทิตย์ อย่าเพิ่งรีบคิดว่า ลูกของคุณพ่อ คุณแม่ ผิดปกติมากมาย เพราะว่าเดิมอยู่ที่บ้านโอกาสที่จะติดเชื้อน้อยกว่า ภูมิต้านทานก็ยังไม่แข็งแรง พอเริ่มไปโรงเรียนเพื่อนๆ เป็นหวัดโอกาสติดต่อก็เพิ่มสูงขึ้น ยิ่งถ้าห้องเรียนเป็นห้องแอร์ โอกาสการติดเชื้อยิ่งง่ายกว่าปกติ โรคหวัดจะติดต่อกันโดยผ่านทางลมหายใจ และสารคัดหลั่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมูก น้ำลาย เป็นต้น


สาเหตุ ของโรคหวัดในเด็กมากกว่า 60-70% เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งมีมากมาย ไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางระบบหายใจมีมากกว่า 200 ชนิดขึ้นไป และนอกจากนี้ อาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียได้ หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัสจะทำให้มีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เจ็บคอ ไอจาม คัดจมูก แสบตา น้ำตาไหล ตาแดง ส่วนใหญ่จะมีอาการอยู่ประมาณ 5-7 วัน ก็จะหายเป็นปกติ ถ้าเป็นหวัดที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยมักจะมีอาการไข้สูง บายรายอาจหนาวสั่น ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ซึ่งลักษณะของน้ำมูกมักจะมีสีเขียวปนเหลืองให้เห็นตั้งแต่วันแรกๆ ของโรค อาจตรวจพบต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอ และกดเจ็บร่วมด้วย จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ หรือยาแก้อักเสบร่วมกับการรักษาตามอาการ



โรคของระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง…เรื่องนี้ต้องรู้


ในที่นี้จะกล่าวถึง โรคหลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบ ซึ่ง เป็นโรคที่พบได้บ่อย และมีอาการตั้งแต่รุนแรงน้อยจนถึงมาก อาการของโรคหลอดลมอักเสบ เกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ เช่น การติดเชื้อ การแพ้ และการระคายเคืองจากสารเคมี จะขอกล่าวถึงเฉพาะโรคหลอดลมอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อ อาการโดยทั่วไปมักเริ่มด้วยอาการของโรคหวัดนำมาก่อน เช่น ไข้ น้ำมูกใส ต่อมามีอาการไอ เริ่มต้นมักจะไอแห้งๆ แล้วตามมาด้วยไอมีเสมหะขาวใส หรือเหลือง ขึ้นกับชนิดของเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดอาการ เป็นได้ทั้งเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย อาการไอเป็นอาการเด่นที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์ บางคนจะให้ประวัติว่าไอ มากจนอาเจียน หรือไอจนนอนไม่ได้ บางครั้งจะมีลักษณะของอาการหอบร่วมด้วย


โรคปอดอักเสบ เป็น โรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอดเอง พบได้ในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ และมักจะรุนแรงมากกว่า เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโรคติดเชื้อในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี อาการที่พบจะประกอบด้วย ไข้ ไอ หายใจหอบ หรือมีลักษณะหายใจลำบาก ในเด็กเล็กมักจะมีอาการงอแงมากกว่าปกติ ไม่ยอมกินอาหารและน้ำ แยกจากภาวะหลอดลมอักเสบ ได้จากการตรวจร่างกาย จะฟังได้ยินเสียงผิดปกติของปอด และเสียงหายใจ สาเหตุมักเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งพบได้ทั้งจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย นอกจากนั้น อาจเกิดจากการสูดสำลักอาหาร และน้ำ รวมทั้งสารเคมีต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อตามมา ในเด็กที่เป็นปอดอักเสบหลายๆ ครั้ง อาจจะทำให้เกิดความผิดปกติของทางเดินหายใจอย่างถาวรได้ เช่น อาจจะทำให้เกิดเป็นโรคหลอดลมโป่งพอง ส่งผลทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ถดถอย และจำเป็นต้องให้การรักษาอย่างต่อเนื่องเหมาะสมตลอดชีวิต



โรคระบบทางเดินหายใจ เป็นแล้วรีบรักษา…ไม่สายเกินแก้

สำหรับ ข้อบ่งชี้ที่ต้องรีบนำผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจมาพบแพทย์ ก็คือ เป็นผู้ป่วยเด็กอายุน้อย โดยเฉพาะถ้าน้อยกว่า 3 เดือน มีอาการไข้สูง หายใจหอบ เหนื่อย เจ็บคอ หรือมีน้ำมูกเขียวเหลืองร่วมกับมีไข้มากกว่า หรือเท่ากับ 38.5 องศา มีอาการปวดบริเวณโพรงจมูก ปฏิเสธไม่ยอมกินอาหาร และน้ำ อาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 อาทิตย์



รู้เท่าทัน ป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจในฤดูฝน

จะ เห็นได้ว่าในช่วงฤดูฝน หรือฤดูหนาว เด็กจะป่วยด้วยปัญหาทางเดินหายใจจำนวนมาก และบ่อยกว่าปกติ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็เกิดจากสภาพอากาศที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต และการแพร่ระบาดของเชื้อโรค หากคุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองไม่อยากจะให้ลูกหลานต้องป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ ก็ควรให้การดูแลที่เหมาะสมเพื่อเป็นการป้องกัน ตัวอย่างเช่น การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านที่อยู่อาศัยให้สะอาดอยู่เสมอ ไม่เข้าไปบริเวณที่มีคนแออัดจำนวนมาก ล้างมือก่อนรับประทานขนม หรืออาหาร รวมทั้งมีการออกกำลังกายที่เหมาะสม กินอาหารครบ 5 หมู่ รวมทั้งดื่มน้ำสะอาดก็จะช่วยให้โอกาสการติดเชื้อลดลง นอกจากนี้ ในปัจจุบันก็มีวิวัฒนาการของวัคซีนต่างๆ มากมายที่สามารถป้องกันโรคติดเชื้อทางระบบหายใจที่มีประสิทธิภาพ และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ


ข้อมูลจากโรงพยาบาลเวชธานี

www.vejthani.com

การจัดอันดับประเทศที่สุดๆในโลก มีไทยด้วยนะมาลองดูว่าได้อะไร

การจัดอันดับประเทศที่สุดๆของโลก

ประเทศที่มีชั่วโมงทำงานมากที่สุดในโลก!(ต่อปีต่อคน!)

1 South Korea 2423
2 Czech Republic 1986
3 Poland 1983
4 Slovakia 1958
5 Greece 1925
6 Hungary 1925
7 Mexico 1848
8 New Zealand 1826
9 United States 1824
10 Australia 1816
11 Iceland 1810
12 Spain 1799
13 Japan 1789
14 Canada 1751
15 Finland 1736
16 Portugal 1694
17 United Kingdom 1669
18 Ireland 1642
19 Italy 1585
20 Sweden 1585
21 Switzerland 1556
22 Austria 1550
23 Denmark 1540
24 Belgium 1522
25 France 1520
26 Germany 1443
27 Norway 1363
28 Netherlands 1357


Most Expensive Countries to Live in

1 Japan
2 South Korea
3 Russia
4 Taiwan
5 Norway
6 Hong Kong
7 Switzerland
8 Denmark
9 Argentina
10 China
11 Finland
12 Cote d'Ivoire
13 United States
14 Sweden
15 Venezuela
16 United Kingdom
17 Singapore
18 Oman
19 Jordan
20 Kuwait


ประเทศที่เศรษฐกิจดีที่สุดในโลก(น่าจะเฉลี่ยต่อปีนะ = =")
1 United States $11,750,000,000,000
2 China $7,262,000,000,000
3 Japan $3,745,000,000,000
4 India $3,319,000,000,000
5 Germany $2,362,000,000,000
6 United Kingdom $1,782,000,000,000
7 France $1,737,000,000,000
8 Italy $1,609,000,000,000
9 Brazil $1,492,000,000,000
10 Russia $1,408,000,000,000
11 Canada $1,023,000,000,000
12 Mexico $1,006,000,000,000
13 Spain $937,600,000,000
14 Korea, South $925,100,000,000
15 Indonesia $827,400,000,000

เมืองที่สุภาพมากที่สุดในโลก!

1 New York
2 Zurich
3 Toronto
4 Berlin
5 Sao Paulo
6 Zagreb
7 Auckland
8 Warsaw
9 Mexico City
10 Stockholm
11 Budapest
12 Madrid
13 Prague
14 Vienna
15 Buenos Aires
16 Johannesburg
17 Lisbon
18 London
19 Paris
20 Amsterdam
21 Helsinki
22 Manila
23 Milan
24 Sydney
25 Bangkok
26 Hong Kong
27 Ljubljana
28 Jakarta
29 Taipei
30 Moscow
31 Singapore
32 Seoul
33 Kuala Lumpur
34 Bucharest
35 Mumbai
ประเทศที่ปล่อย CO2 ออกมามากที่สุด!(ไม่รู้ว่าเขาเรียกปริมาณกันยังไงอะ -*-)

1 United States 2,530 million
2 China 2,430 million
3 Russia 600 million
4 India 529 million
5 Japan 363 million
6 Germany 323 million
7 Australia 205 million
8 South Africa 201 million
9 United Kingdom 192 million
10 South Korea 168 million


ประเทศอุตสาหกรรมก็งี้แหละ - -"

ประเทศที่ได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาลมากที่สุดในโลก!(ตัวเลขที่ต่อจากชื่อประเทศคือจำนวนคนนะ ส่วนข้างหน้าคือ Ranking อะ)

1 United States 7
2 Venezuela 4
2 Puerto Rico 4
4 Sweden 3
5 Trinidad and Tobago 2
5 Thailand 2
5 Philippines 2
5 India 2
5 Finland 2
5 Brazil 2

ประเทศที่รวยที่สุดในเอเชีย!

1 Japan
2 Singapore
3 Brunei
4 South Korea
5 Malaysia
6 Kazakhstan
7 Thailand
8 Turkey
9 Turkmenistan
10 China
33 East Timor

ว้าว!!รวยกว่าจีน

ประเทศที่มีหนี้สินนอกประเทศมากที่สุดในโลก - -"

1 Brazil $232,004,000,000
2 Russia $183,601,000,000
3 Mexico $159,959,000,000
4 China $154,599,000,000
5 Indonesia $150,875,000,000
6 Argentina $144,050,000,000
7 South Korea $139,097,000,000
8 Turkey $102,074,000,000
9 India $98,232,000,000
10 Thailand $86,172,000,000
ติดหนี้เยอะซะงั้น = =;
ประเทศที่มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลก!(จำนวนคน)


1 United States 159,000,000
2 China 79,500,000
3 Japan 57,200,000
4 Germany 39,000,000
5 Korea, South 29,220,000
6 United Kingdom 25,000,000
7 France 21,900,000
8 Italy 18,500,000
9 India 18,481,000
10 Canada 16,110,000
11 Brazil 14,300,000
12 Mexico 10,033,000
13 Spain 9,789,000
14 Australia 9,472,000
15 Poland 8,970,000
16 Malaysia 8,692,100
17 Netherlands 8,500,000
18 Indonesia 8,000,000
19 Thailand 6,031,300
20 Russia 6,000,000


ถ้าคิดในแง่บวกคือคนไทยไม่สนใจมัน = =" ถ้าคิดในแง่ลบคือคนไทยมันบ้านนอกใช้ไม่เป็น ฮ่าๆๆๆ(ขำๆอย่าเครียด= =)

ประเทศที่มีคอมฯมากที่สุดในโลก!(จำนวนเครื่อง)

1 United States 164,100,000
2 Japan 49,900,000
3 Germany 30,600,000
4 United Kingdom 26,000,000
5 France 21,800,000
6 Italy 17,500,000
7 Canada 16,000,000
8 China 15,900,000
9 Australia 10,600,000
10 South Korea 10,600,000


ไทยมันจนก็งี้แหละ = =" อะไม่ใช่ๆๆก็ประเทศที่ติดทั้งหลายเขาผลิตคอมฯนี่ =O= ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะมีคอมเยอะกว่าชาวบ้านเขา

ประเทศที่มีการอ่านมากที่สุด!!(จำนวนชั่วโมงต่อสัปดาห์)


1 India 10.7
2 Thailand 9.4
3 China 8
4 Philippines 7.6
5 Egypt 7.5
6 Czech Republic 7.4
7 Russia 7.1
8 Sweden 6.9
9 France 6.9
10 Hungary 6.8

ไทยอันดับที่สอง

สนามบินที่ดีที่สุดในโลก!!

1 China Hong Kong International Airport
2 Singapore Singapore Changi Airport
3 South Korea Seoul Incheon Airport
4 Germany Munich Airport
5 Japan Kansai International Airport
6 United Arab Emirates Dubai International Airport
7 Malaysia KLIA Kuala Lumpur
8 Netherlands Amsterdam Schiphol Airport
9 Denmark Copenhagen Airport
10 Australia Sydney Airport


ไม่ต้องหาไทยให้เสียเวลาหรอก -*- แต่สนามบินที่สวยที่สุดในโลกคือสนามบินที่ เกาะ
สมุยนะ เราได้ยินมาแบบนั้นอะ

สนามบินที่วุ่นวาย หรือ คนเยอะ มากที่สุดในโลก ปี 2005!! (จำนวนผู้โดยสาร)

1 ATLANTA, GA (ATL) 85,907,423
2 CHICAGO, IL (ORD) 76,510,003
3 LONDON, GB (LHR) 67,915,389
4 TOKYO, JP (HND) 63,282,219
5 LOS ANGELES, CA (LAX) 61,485,269
6 DALLAS/FT WORTH AIRPORT, TX (DFW) 59,064,360
7 PARIS, FR (CDG) 53,756,200
8 FRANKFURT, DE (FRA) 52,219,412
9 LAS VEGAS, NV (LAS) 44,280,190
10 AMSTERDAM, NL (AMS) 44,163,098
11 DENVER, CO (DEN) 43,307,335
12 MADRID, ES (MAD) 41,939,904
13 PHOENIX, AZ (PHX) 41,204,071
14 BEIJING, CN (PEK) 40,989,651
15 NEW YORK, NY (JFK) 40,584,001
16 HONG KONG, CN (HKG) 40,282,000
17 HOUSTON, TX (IAH) 39,713,920
18 BANGKOK, TH (BKK) 38,985,043
19 MINNEAPOLIS/ST PAUL, MN (MSP) 37,563,664
20 DETROIT, MI (DTW) 36,374,906
21 ORLANDO, FL (MCO) 33,907,396
22 SAN FRANCISCO, CA (SFO) 33,580,662
23 NEWARK, NJ (EWR) 33,033,569
24 LONDON, GB (LGW) 32,784,177
25 SINGAPORE, SG (SIN) 32,430,856
26 TOKYO, JP (NRT) 31,525,275
27 PHILADELPHIA, PA (PHL) 31,502,855
28 MIAMI, FL (MIA) 31,008,453
29 TORONTO, o­n, CA (YYZ) 29,914,925
30 SEATTLE/TACOMA, WA (SEA) 29,289,009

จิงๆซะด้วย สนามบินสุวรรณภูมิ = =;;

ประเทศที่พัฒนาแล้ว!

• Andorra
• Australia
• Austria
• Belgium
• Bermuda
• Canada
• Denmark
• Faroe Islands
• Finland
• France
• Germany
• Greece
• Holy See (Vatican)
• Hong Kong
• Iceland
• Ireland
• Israel
• Italy
• Japan
• Liechtenstein
• Luxembourg
• Monaco
• Netherlands
• New Zealand
• Norway
• Portugal
• San Marino
• Singapore
• South Korea
• Spain
• Sweden
• Switzerland
• Taiwan
• United Kingdom
• United States

ประเทศที่มีคนฟังวิทยุมากที่สุด!!(จำนวนช่วโมงต่อสัปดาห์)

1 Argentina 20.8
2 Brazil 17.2
3 South Africa 15
4 Czech Republic 13.5
5 Thailand 13.3
6 Turkey 13.3
7 Poland 12.5
8 Hungary 12.1
9 Germany 11.5
10 Australia 11.3

ประเทศที่มีคนดูโทรทัศน์มากที่สุด!!!(ชั่วโมงต่อสัปดาห์)


1 Thailand 22.4
2 Philippines 21
3 Egypt 20.9
4 Turkey 20.2
5 Indonesia 19.7
6 United States 19
7 China (Taiwan) 18.9
8 Brazil 18.4
9 United Kingdom 18
10 Japan 17.9

ว้าว!! ที่หนึ่ง(ดีใจมั้ยเนี่ย)

ประเทศที่มีความเท่าเทียมของหญิงและชายแย่ที่สุด

1 Egypt
2 Turkey
3 Pakistan
4 Jordan
5 South Korea
6 India
7 Mexico
8 Brazil
9 Greece
10 Venezuela

หัดออกเสียงภาษาสเปน

ภาษาสเปน

ภาษาสเปนเป็นภาษาที่นิยมอันดับ3ของโลก นับว่าเยอะมาก

ซึ่งการเขียนของภาษาสเปน ส่วนมากจะเขียนเหมือนกัน

อักษรของสเปนมี29ตัว แต่อังกฤษมีแค่ 26 เท่านั้น

แต่อ่านออกเสียงไม่เหมือนกัน

----------------------------------

สิ่งจำเป็น

* อ่านแล้วจำให้ขึ้นใจ

*ตัวอักษร = หมายถึงแปลว่า หรือ หมายถึง

----------------------------------

ตัวอักษรภาษาสเปน
El alfabeto espan~ol




A อา

B เบ

C เซ

CH เช

D เด

E เอ

F เอ๊เฟ่

G เค

H อ๊าเช่

I อี

J โฆ้ตะ

K คา

L เอเล่

LL เอเย่

M เอ๊เม่

N เอ๊เน่

N(เอาตัว~ไว้บนหัวตัว N ) เอ็นเญ่

O โอ

P เป

Q คู

R เอ๊เร่

S เอสเสะ

T เต

U อู

V อูเบ่

W อูเบ่เบล่

X เอ๊กิส

Y อีเกร๊ก่า

Z เซ้ตะ

--------------------------------------------

=================================

หลังจากที่ผู้อ่านจำได้ขึ้นใจแล้ว โปรดอ่านตอนต่อไป

=================================

บางคนอาจ งง กับภาษาสเปน ว่า มันออกเสียงแปลก ซึ่งมีทั้งเสียงสูงและต่ำในคำเดียวกัน

แต่ผมขอบอกไว้นะที่นี้ว่า

ถ้าคุณพูดสเปนได้

คุณก็สามารถไปเที่ยวอเมริกากลางไปจนใต้ได้แน่นอน

A = อา B = เบ C = เซ D = เด E = เอ F = เอเฟ G = เค H = อาชเช I = อี J = โคตา K = กา L = เอเล LL = เอเย M = เอเม N = เอเน N(~อยู่เนือตัวN) = เอนเย O = โอ P = เป Q = คู R = เอเระ S = เอสเสะ T = เต U = อู V = อูเบ W = อูเบโดเบละ(อูเบ คือ v อูเบโดเบละ คื ดับเบิ้ล v ซึ่งก็คือ w นั่นเอง ) X = เอกีส Y = อีเกรี๊ยกา Z = เซตา

จะซื้อของ สเปน

เรื่องนี้ลืมไปได้ไงเนี่ย ? เวลาเราไปเที่ยวที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสเปน

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการซื้อของติดมือกลับบ้านหรือที่พัก

ซึ่งเป็นเรื่องประจำวันอยู่แล้ว

คำประธาน

Quiero... (เครี้ยโหระ)แปลว่า ผม/ฉันต้องการ...

---------------------------------------------

กริยา

Dos... ของจำนวน 2 ชิ้น

Tres... ของจำนวน 3 ชิ้น

Cuatro ของจำนวน 4 ชิ้น

Cinco... ของจำนวน 5 ชิ้น

Seis... ของจำนวน 6 ชิ้น

Doce... ของจำนวน 12 ชิ้น (เยอะไปไหม = = เหอๆ)

ฯลฯ

หมายเหตุ : ฏคือชื่อที่เขาเรียกแทนตัวเลขเนี่ยแหล่ะครับ และตามด้วยชื่อสิ่งของ

---------------------------------------------

เนื้อหมู cendo (แซ้ร์โดะ)

เนื้อไก่ pollo (โปโหยะ)

เนื้อปลา pescado (เปสคาโดะ)

เนื้อวัว vaca (บาขะ)

ขนมปัง pan (ปัง)

แยม mermelada (แมร์เมล้าดะ)

ข้าว arroz (อะรซ)

เนย mantequilla (มันเตกี๊หยะ)

---------------------------------

ถ้วย taza (ต๊ะซะ)

แก้ว vaso (บ๊ะโสะ)

จาน platon (ปล๊าโตะ)

ชาม cuenco (เกว๊งโกะ)

---------------------------------

เสื้อ Casmisa (คามีสะ)

กางเกง pantalones (ปันตาโลเหนส)


*พวกของกินที่เป็นทอดหรือผัด ให้พูดชื่อของสิ่งนั้น และต่อด้วย Frito (ฟรโตะ) (ใช้เฉพาะอาหารนะ เหอๆ = =)
---------------------------------------------

ถ้าคุณเห็ยว่าเขาไม่ยอมป้ายราคาก็ถามได้ว่า

Qua'nto cuesta esto ? (ควั้นโตะ คูเอ้สตะ เอ้สโตะ)แปลว่า ราคาเท่าไร ?

ถ้าอยากดูก่อนที่จะซื้อเสื้อก็ ? Puedo probarlo ? (ปูเอ๊โดะ โปรบ๊าร์โหละ) แปลว่า ลองสวมใส่ได้ไหม ?

(ไว้ใช้กับเสื้อ กางเกง ฯลฯ)

*สิ่งที่ควรรู้ ตลาดเขาเรียกว่า el mercado (เอล เมอร์คาโดะ)ห้างเขาเรียกว่า el almace'n (เอล อัลมาเซน) ครับ

เอออย่าซื้อชองจนสุรุ่ยสุร่านล่ะ ฮ่าๆๆๆ malgastar (มัลกัสต้าร์) แปลว่าฟุ่มเฟือย

อาชีพภาษาสเปน

bedel (เบเดล) นักการภารโรง

bio'logo , ga (บีโอ๊โหละโกะ (ชาย) , (ถ้าเป็น)กะ (หญิง)) นักชีววิทยา

actor (แอคโตร) นักแสดง

ingeniero,ra วิศวกร

ว่างๆจะเอามาเพิ่ม

เวลาไปเที่ยว สเปน

เวลาคุณไปเที่ยวที่สเปนแล้วคุณไปเจอเจ้าหน้าที่

ในบางครั้งเราอาจพูดอะไรไม่ค่อยถูกเลย ว่าไหม...?

ซึ่งคำพูดแรกๆที่ใช่ก็คือคำทักทายง่ายๆ

Soy Un(a) Turista. แปลว่า ... เป็นนักเดินทาง(/หรือนักท่องเที่ยว)

อ่านว่า สอย อุน(อูนา) ตุริสตะ

ถ้าเติม (a) นั้นไว้ใช้กับผู้หญิงนะ

แล้วต่อด้วยคำนี้เลยนะ vengo de Tailandia

อ่านว่า เบงโกะ เด ไตลันเดีย

แปลว่า ผมมาจากประเทศไทย

เนื้อที่มากที่สุด

เนื้อที่มากที่สุด
รัสเซีย 17.075.200 ตร/กม เนื้อที่น้อยที่สุด กรุงวาติกัน 1 ตร/กม.

ประชากร
จีน 1.313.973.800 คน นครวาติกัน 930 คน(หรือ เกาะโบเวส(Bouvet Island) ในอัฟริกา 0 คน)

จำนวนเด็กเิกิดต่อประชากร 1000 คน ไนเจอร์ 50.73 คน เยอรมัน 8.33 คน

จำนวนคนตายต่อประชากร 1000 คน สวาซี่แลนด์ 29.73 คน คูเวต 2.41 คน

จำนวนเด็กทารกตายหลังคลอดต่อ 1000 คน แองโกลา 185.36 คน สิงค์โปร์ 2.29 คน

จำนวนแพทย์ ต่อ 1000 คน อิตาลี่ 6.14 คน เอธิโอเปีย 0.03 คน

ติดเชื้อ เอชไอวี ต่อ 1000 คน สวาซี่แลนด์ 256.07 คน อิรัค 0.02 คน

นักโทษต่อ 1000 คน อเมริกา 7.41 คน บัวคินา ฟาโซ 0.22 คน

รายใด้ประเทศต่อหัว/ปี ลุคแซมเบอร์ก 80040 ดอลล์ คองโกและไซร์ 94 ดอลล์

อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ/ปี อาเชอร์ไบจัน 22.2% ซิมบับเว่ -5.0%

หนี้สินของรัฐบาลต่อหัวประชากร ญีปุ่น 66,690 ดอลล์ ไนจีเรีย 75 ดอลล์

รายได้ส่งออกต่อหัวประชากร สิงค์โปร์ 51,066 ดอลล์ เนารู 3 ดอลล์

มีวิทยุต่อประชากร 1000 คน อเมริกา 2,147.80เครื่อง ฟิลิบปินส์ 15.76 เครื่อง

มูลค่าสำรองเงินตราต่างประเทศและทองคำในท้องคลังแห่งชาติ จีน 138.000.000.000 ดอล์ เอริเทรีย 30.870.000 ดอลล์


สนง.สถิติของประเทศต่างๆ
อเมริกา
http://www.nsf.gov/statistics/

ไทย
http://portal.nso.go.th/otherWS-world-context-root/index.jsp

สิงคโปร์
http://www.singstat.gov.sg/

อังกฤษ
http://www.statistics.gov.uk/hub/index.html

ข้อมูลลอกมาจาก
http://www.welt-in-zahlen.de/
แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ - 02.กพ.2550 (2007)

ภาษาสเปน

ภาษาสเปน
ภาษา สเปน ภาษาหนึ่งในหลายภาษาในโลกนี้ ที่มีความสำคัญแพร่หลายมากเป็นถึงอันดับ 3 ของโลก เรียนรู้ได้ไม่อยากด้วยใกล้เคียงกับภาษาอื่นๆที่อยู่ในตระกูลที่มีรากฐานมา จากภาษาลาติน

หลากหลายประเทศที่ใช้ภาษาสเปน
1.ภาษาสเปน
ภาษาสเปนเป็นภาษาที่มีคนพูดมากเป็นอันดับ 3 ของโลก นอกจากจะเป็นภาษาที่มีคนใช้แพร่หลายมากขึ้นทุกวัน อย่างน้อย 150 ล้านคนในอเมริกาที่พูดภาษาสเปน อีก 352 ล้านคนใน 21 ประเทศ นับเป็น และมากถึง 510 ล้านคน เมื่อรวมคนที่ไม่ได้พูดเป็นภาษาแรกด้วยแล้วนั้น ประเทศส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่แถบทวีปอเมริกาใต้เกือบทั้งทวีปก็ใช้ภาษาสเปน เป็นภาษาราชการ ยกตัวอย่างเช่น กัวเตมาลา คอสตาริกา คิวบา โคลอมเบีย ชิลี นิการากัว นิวเม็กซิโก (สหรัฐฯ) โบลิเวีย ปานามา ปารากวัย เปรู เปอร์โตริโก (สหรัฐฯ) เม็กซิโก เวเนซุเอลา สเปน สหภาพยุโรป สาธารณรัฐโดมินิกัน อาร์เจนตินา อิเควทอเรียลกินี อุรุกวัย เอกวาดอร์ เอลซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อการกระจายตามเขตภูมิศาสตร์จะพบว่านอกจากประเทศสเปนแล้ว ประเทศที่ใช้ภาษาสเปน ได้แก่

1. ประเทศในทวีปอเมริกาใต้เกือบทุกประเทศ อันได้แก่ อาร์เจนตินา โบลิเวียโคลอมเบีย ชิลี เอกวาดอร์ ปารากวัย เปรู อุรุกวัย และเวเนซุเอลา ยกเว้นบราซิลที่ใช้ภาษาโปรตุเกส กายอานาที่ใช้ภาษาอังกฤษ ซูรินาเมที่ใช้ภาษาดัตช์ และเฟรนช์เกียนาที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส


9631


2. ประเทศเม็กซิโก (Mexico)และประเทศในอเมริกากลาง อันได้แก่ เบลีซ (Belize) คอสตาริกา (Costa Rica) เอลซัลวาดอร์ (El Salvador) กัวเตมาลา (Guatemala) ฮอนดูรัส (Honduras) นิการากัว (Nicaragua) และปานามา (Panama)

9594


3. ประเทศบางส่วนของอเมริกาเหนือ และแถบแคริบเบียน อันได้แก่ คิวบา เปอร์โตริโก สาธารณรัฐโดมินิกัน อิเควทอเรียลกินี นิวเม็กซิโก (สหรัฐฯ) (ภาษาสเปนถือว่าเป็นภาษาที่สองของชาวอเมริกันในปัจจุบัน)

4. ประเทศบางส่วนของแอฟริกาเหนือ เป็นต้น

9595


5. ประเทศฟิลิปปินส์ (ใช้เป็นภาษาราชการในอดีตและในปัจจุบันยังคงพบเห็นจากชื่อต่างๆ)

นอกจากนี้ ภาษาสเปนยังซึ่งมีรากฐานมาจากภาษาลาติน ซึ่งมีความใกล้เคียงกับภาษาอื่นๆที่อยู่ในตระกูลเดียวกันนี้อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นภาษาฝรั่งเศส ภาษาโปรตุเกส ภาษาโรมาเนีย ภาษาอิตาลี และ ภาษากาตาลัน เป็นต้น ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่า ภาษาสเปน เป็นภาษาหนึ่งในหลายภาษาในโลกนี้ที่ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง

ความรู้เบื้องต้นง่ายๆเกี่ยวกับภาษาสเปน
2.ความรู้เบื้องต้นง่ายๆเกี่ยวกับภาษาสเปน
ภาษาสเปนเป็นภาษาที่มีการผันวิภัติปัจจัย นั่นคือคำกริยา และคำคุณศัพท์จะเปลี่ยนปัจจัยทุกครั้งตามเพศ พจน์ กาล การก โดยรูปประโยคจะเรียงในลักษณะ ประธาน - กรรม - กริยา และเนื่องจากคำกริยาจะถูกผันตามประธานแล้วเราจึงสามารถละประธานในประโยคได้ จึงเป็น กรรม – กริยา เป็นต้น

2.1 ยกตัวอย่างในลักษณะของประธานและกรรม ได้แก่


ประธาน
คำอ่าน
กรรม
คำอ่าน
คำแปล
yo
(อ่านว่า โย)
me
(อ่านว่า เม)
ฉัน
(อ่านว่า ตู)
te
(อ่านว่า เต)
เธอ
él
(อ่านว่า เอล)
lo/le/se
(อ่านว่า โล/เล/เซ)
เขาผู้ชาย
ella
(อ่านว่า เอย่า)
la/le/se
(อ่านว่า ลา/เล/เซ)
เขาผู้หญิง
usted
(อ่านว่า อุสเต๊ด)
lo/la/le/se
(อ่านว่า โล/ลา/เล/เซ)
คุณ
nosotros/as
(อ่านว่า โนโซโตรส/ตราส)
nos
(อ่านว่า โนส)
พวกเรา
vosotros/as
(อ่านว่า โบโซโตรส/ตราส)
os
(อ่านว่า โอส)
พวกเธอ
ellos
(อ่านว่า เอโยส)
los/les/se
(อ่านว่า โลส/เลส/เซ)
พวกเขา(ผู้ชาย)
ellas
(อ่านว่า เอยาส)
las/les/se
(อ่านว่า ลาส/เลส/เซ)
พวกเขา (ผู้หญิง)
ustedes
(อ่านว่า อุสเตเดส)
los/las/les/se
(อ่านว่า โลส/ลาส/เลส/เซ)
พวกคุณ พวกเธอ





2.2 ในลักษณะของกริยา ยกตัวอย่างเช่น Verbo Ser (อ่านว่าเบรโบ้ เซร์) หรือ V. to be ในภาษาอังกฤษ หรือกริยา เป็น อยู่ คือ ในภาษาไทยนั่นเอง ซึ่งสามารถผันได้ดังต่อไปนี้

Yo soy (อ่านว่า โย ซอย) แปลว่า ฉันคือ..

Tu' eres (อ่านว่า ตู เอเรส) แปลว่า เธอ(กันเอง)คือ..

Él es (อ่านว่า เอล เอส) แปลว่า เขาคือ..

Ella es (อ่านว่า เอย่า เอส) แปลว่า หล่อนคือ..

Usted es (อ่านว่า อุสเต๊ด เอส) แปลว่า คุณ(สุภาพ)คือ..

Nosotros somos (อ่านว่า โนโซโตรส โซโมส) แปลว่า พวกเราคือ..

Vosotros sois (อ่านว่า โบโซโตรส โซ่ย) แปลว่า พวกเธอคือ..

Ellos son (อ่านว่า เอโยส ซน) แปลว่า พวกเขาคือ..

Ellas son (อ่านว่า เอยาส ซน) แปลว่า พวกหล่อนคือ..

Ustedes son (อ่านว่า อุสเตเดส ซน) แปลว่า พวกคุณคือ..

Brought to you by Bambupai

References
http://en.wikipedia.org/wiki/Spanish_language
http://spanish.about.com/